#พลังงานสะอาด
สึคิมาริยิ้มกว้าง รีบแบ่งแครกเกอร์ใส่ถุงสะอาดที่เตรียมไว้ ถึงจะบอกว่าครึ่งของครึ่ง แต่เขาก็แบ่งให้มากกว่านั้นอยู่ดี

ยื่นถุงแครกเกอร์ให้แล้วเอ่ย

”มันอาจจะไม่มาก แต่ก็คงพอให้มีพลังงานใช้ชีวิตต่อไปได้“
”...ผมอยากแบ่งให้ครึ่งหนึ่งแท้ๆ“

ว่าแล้วก็หัวเราะ
October 27, 2025 at 7:16 PM Everybody can reply
"อย่างที่ชิโนโนเมะซังว่า นั่งพักซักหน่อยก็ดีค่ะ "

ถึงแม้ว่าจะพึ่งเริ่มทำความสะอาดก็ตาม แต่เพื่อนร่วมชั้นที่ล้มหน้าคะมำ กับเธอที่ต่อสู้กับหมาขนาดกลาง ก็ทำให้พลังงานหมดหลอดได้ไม่ยาก

เธอมองเจ้ายูซุกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็ลูบไปที่หลังของมัน

โถ่..จะติดคอไหมเนี่ย
October 23, 2025 at 4:37 PM Everybody can reply
1 saves
ฝาแฝดส่งคริสตัลกักเก็บพลังงานที่ได้มาจากเหมืองให้ภูตนำไปดูแลเช็ดทำความสะอาดก่อนจะเดินตรงไปหาลาสเซนที่หันหน้ามองวิหารอยู่นาน "เจ้าตัวแสบหายไปไหนกันหมด?"
August 16, 2025 at 4:38 PM Everybody can reply
#SSR_Obon @youru-ssr.bsky.social

14/08 | ช่วงเย็น

โอบ้งปีนี้ ครอบครัวคุณป้าก็มาเยี่ยมเหมือนเช่นเคย แถมยังอาสาจัดเตรียมของไหว้ และทำความสะอาดป้ายหลุมศพเองเสียหมดจนฮิบิกิแทบไม่มีอะไรทำ

สุดท้ายก็ได้รับภารกิจพิเศษให้ดูแลมานาโตะ เจ้าหลานตัวแสบ

เพราะโดนกำชับมาว่าทำยังไงก็ได้ให้ไม่ก่อเรื่อง
การพามาผลาญพลังงานในงานเทศกาล ก็คงจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้วล่ะ

มั้งนะ..
August 15, 2025 at 1:29 PM Everybody can reply
25 reposts 29 likes
พลังงานสะอาดไทยใกล้ ‘ตกรถไฟ’? เปิดหลังคารับโซลาร์เซลล์ ทะลวงข้อจำกัด กระจายสู่ประชาชน
พลังงานสะอาดไทยใกล้ ‘ตกรถไฟ’? เปิดหลังคารับโซลาร์เซลล์ ทะลวงข้อจำกัด กระจายสู่ประชาชน
พลังงานสะอาดไทยใกล้ ‘ตกรถไฟ’? เปิดหลังคารับโซลาร์เซลล์ ทะลวงข้อจำกัด กระจายสู่ประชาชน อาทิตยา เพิ่มผล รายงาน auser15 Tue, 2025-08-05 - 14:55 ‘พลังงานสะอาด’ เป็นวาระหลักของโลกเพื่อเอาตัวรอดจากหายนภัย ‘โลกร้อน’  มีข้อตกลงทางการค้าการลงทุนที่กำลังจะมีผลบังคับใช้หลายอย่างในเร็วๆ นี้ ‘พลังงานแสงอาทิตย์’ ดูจะเป็นพระเอกสำหรับเมืองร้อนอย่างประเทศไทย เรามีแผนและมีการผลักดันแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ยังล่าช้าอยู่มาก และติดอุปสรรคหลายอย่าง ประชาไทจะพาไปสำรวจข้อเสนอจากภาคส่วนต่างๆ ความคืบหน้าและข้อติดขัดในการขยาย ‘โซลาร์เซลล์’ บนหลังคาบ้านเรือนประชาชน ความพยายามของภาคประชาสังคมผ่าน ‘กองทุนแสงอาทิตย์’ และ ‘ก๊วนหิวแสง’ ที่พยายามช่วยเหลือกันเองทะลุทะลวงข้อจำกัดของระบบราชการและรวมกลุ่มต่อรองราคากับผู้ผลิตโซลาร์เซลล์ หวังให้มันกระจายให้ได้มากที่สุด เพื่อลดภาระของประชาชนและนำไปสู่การปฏิรูปพลังงานสะอาด ตลอดจนระบบที่ชุมชนห่างไกลตามเกาะต่างๆ ที่การไฟฟ้าฯ เข้าไม่ถึงหรือไม่คุ้มทุนขยายโครงข่าย จากที่พึ่งเครื่องปั่นไฟน้ำมันดีเซล มาสู่การใช้โซลาร์เซลล์ และบริหารจัดการได้อย่างมืออาชีพ บางแห่งเป็นต้นแบบใช้โซลาร์เซลล์ได้ 100%  บริเวณติดตั้งโซลาร์เซลล์ ชุมชนเกาะจิก ทั่วโลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเพื่อรับมือกับภาวะโลกร้อน ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล พลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นความหวังสำคัญที่หลายประเทศนำมาใช้ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพสูง เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตร้อนและมีแสงแดดเกือบตลอดทั้งปี จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะยกระดับระบบพลังงานของประเทศให้เป็นธรรม ยั่งยืน และเข้าถึงได้ จากนโยบายพลังงานปี 2568 ของกระทรวงพลังงาน ซึ่งยึดหลักสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ความมั่นคงทางพลังงาน (Security) การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยพลังงาน (Economics) และความยั่งยืนด้วยพลังงานคาร์บอนต่ำ (Sustainability) หนึ่งในนโยบายหลัก คือ การส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา หรือที่เรียกกันว่า ‘โซลาร์รูฟท็อป’ ที่จะช่วยให้ประชาชนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เอง ลดค่าใช้จ่าย และเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน กล่องล้อมกรอบ โซลาร์เซลล์ (Solar Cell) พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตมาจากแสงอาทิตย์ ผ่านการติดตั้งอุปกรณ์ที่เราเรียกว่า แผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยระบบแผงโซลาร์เซลล์ แบ่งออกเป็น 3 ระบบ ดังนี้ * ระบบออนกริด (On-Grid) เป็นระบบที่เชื่อมต่อกับการไฟฟ้าฯ ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์เหมาะกับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวัน ไม่มีแบตเตอรี่ สามารถผลิตไฟฟ้าแล้วใช้ได้เลย เป็นที่นิยมเพราะสามารถขายคืนให้กับการไฟฟ้าฯ ต่างๆ ได้ โดยผ่านโครงการ ‘โซลาร์ภาคประชาชน’ ของกระทรวงพลังงาน ทั้งนี้ต้องมีการขออนุญาตการไฟฟ้าก่อนติดตั้งด้วย * ระบบออฟกริด (Off-Grid) การทำงานเหมือนกันกับระบบออนกริด ความแตกต่างคือไม่เชื่อมต่อกับการไฟฟ้าฯ จึงไม่ต้องขออนุญาตติดตั้ง เหมาะกับสถานที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึงและพื้นที่ห่างไกล เช่น บนดอยหรือบนเกาะ ระบบนี้ต้องมีแบตเตอรี่เก็บไฟ และต้นทุนสูงกว่าแบบเชื่อมสายส่ง * ระบบไฮบริด (Hybrid) มีข้อแตกต่างจากทั้งสองระบบคือ มีแบตเตอรี่มาสำรองพลังงานในกรณีที่แผงโซลาร์ผลิตกระแสไฟฟ้ามากเกินกว่าการใช้งาน และสามารถดึงมาใช้ในช่วงเวลากลางคืน หรือสามารถดึงเอาไฟฟ้าในแบตเตอรี่มาใช้งานได้ในช่วงเวลาที่ไฟฟ้าตกหรือดับได้ ซึ่งระบบนี้ไม่สามารถขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐได้ ที่มา : กระทรวงพลังงาน สมาร์ทกริด: กุญแจสำคัญสู่พลังงานสะอาดของไทย   Image   อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ จาก TDRI อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิชาการด้านนโยบายพลังงาน จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า การจะทำให้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดในประเทศไทยมีมากขึ้น สิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญที่สุด คือ เรื่องของเสถียรภาพ เนื่องจากพลังงานแสงอาทิตย์มีความผันผวน นักวิจัยจาก TDRI นำเสนอหนทางแก้ปัญหา นั่นคือ Smart Grid หรือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการตรวจสอบ ควบคุม และบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถผนวกพลังงานสะอาดเข้ากับระบบไฟฟ้าทั่วไปได้อย่างราบรื่น เช่น คำนวณได้ว่าพลังงานแสงอาทิตย์จะลดลงในอีก 2-3 ชั่วโมง เพื่อส่งสัญญาณให้ไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งอื่นๆ เข้ามาเสริม นอกจากนี้ยังช่วยในการรองรับระบบการผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ เชื่อมต่อระหว่างโซลาร์รูฟท็อปในระดับชุมชน  สมาร์ทกริดจะเข้ามาช่วยบริหารจัดการการผลิตไฟฟ้า หากโซลาร์รูฟท็อปลดลง สามารถไปดึงไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานขยะเข้ามาเสริม และยังช่วยในเรื่องของการควบคุมการจ่ายไฟจากแบตเตอรี่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ลงทุนในด้านสมาร์ทกริด โดยหนึ่งในโครงการสำคัญที่ทดลองทำแล้ว คือ ‘โครงการนำร่องการพัฒนาสมาร์ทกริดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน’ ซึ่งประกอบด้วยระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์ฟาร์ม ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) ที่สามารถจ่ายไฟเสริมความมั่นคงให้แก่ระบบไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงจึงไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ หรือระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงได้ จึงต้องพึ่งพาแหล่งผลิตไฟฟ้าหลักโรงไฟฟ้าพลังงน้ำขนาดเล็ก โรงไฟฟ้าดีเซล และโซลาร์ฟาร์มของ กฟผ. ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าเสริมในกรณีที่ระบบส่งไฟฟ้าของ กฟภ.ที่เชื่อมโยงไฟฟ้ามาจากจังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางยาวกว่า 170 กิโลเมตร เกิดปัญหา เช่น ลมพายุพัดต้นไม้ล้มพาดสายไฟ ดินโคลนถล่ม และส่งผลให้แม่ฮ่องสอนประสบปัญหาไฟฟ้าตกและไฟฟ้าดับอยู่บ่อยครั้งและยาวนานที่สุดในประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จึงดำเนินโครงการนำร่องการพัฒนาสมาร์ทกริดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นความร่วมมือระหว่างจังหวัด กระทรวงพลังงาน พพ. กฟผ. และ กฟภ. เพื่อจำลองโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศให้มีขนาดเล็กลงและครอบคลุมเฉพาะพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน มุ่งหวังให้เป็นต้นแบบในการนำเทคโนโลยีสมาร์ทกริดเข้ามาบริหารจัดการระบบไฟฟ้า โดยมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ โซลาร์ฟาร์ม แบตเตอรี่ และระบบผลิตไฟฟ้าบนหลังคา หรือโซลาร์รูฟท็อป กองทุนแสงอาทิตย์: รวมพลังผู้บริโภค ผ่าน “ก๊วนหิวแสง” (ออนกริด) ทางด้านภาคประชาสังคม หนึ่งในความพยายามที่น่าจับตามอง คือการเกิดขึ้นของ ‘กองทุนแสงอาทิตย์’ และโครงการย่อย ‘ก๊วนหิวแสง’ ซึ่งชูแนวคิด ‘โซลาร์ภาคประชาชน’ เพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดได้จริง ผ่านพลังของการรวมกลุ่ม กองทุนแสงอาทิตย์เป็นการระดมทรัพยากรติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาด้วยความร่วมมือของเครือข่ายภาคประชาสังคม ทั้งด้านผู้บริโภค ด้านการพัฒนาเด็ก ด้านสิ่งแวดล้อม ที่รณรงค์ให้เกิดการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในระดับครัวเรือน หวังสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการปฏิรูปพลังงานโดยการลงมือทำจริงในพื้นที่เป้าหมายและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางด้านพลังงานหมุนเวียน โครงการระยะแรกของกองทุนแสงอาทิตย์ ได้ระดมทุนจากประชาชนได้ 7.7 ล้านบาท เพื่อติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้กับโรงพยาบาลของรัฐ 7 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลท่าสองยาง จ.ตาก, โรงพยาบาลภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ, โรงพยาบาลศรีอุดม จ.อุบลราชธานี, โรงพยาบาลชุมแพ จ.ขอนแก่น, โรงพยาบาลแก่งคอย จ.สระบุรี, โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี และโรงพยาบาลหลังสวน จ.ชุมพร โดยมีกำลังผลิตติดตั้งเริ่มต้นแห่งละ 30 กิโลวัตต์ในระบบออนกริดหรือระบบที่ไม่ใช้แบตเตอรี่สำรอง และเชื่อมต่อกับระบบหลักของการไฟฟ้าฯ เพื่อเป็นการเริ่มต้นการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานให้กับโรงพยาบาล กำลังการผลิตดังกล่าวช่วยจะลดภาระค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลแต่ละแห่งได้ราว 200,000 บาทต่อปี ยาวนานถึง 25 ปี และในระยะที่ 2 จะติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้สถาบันการศึกษาสายอาชีพ 7 แห่ง เพื่อให้เป็นสถานเรียนรู้พลังงานหมุนเวียนให้กับนักเรียน นักศึกษา และลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับหน่วยงาน   Image   ธีระพงศ์ แสงลาภเจริญกิจ ธีระพงศ์ แสงลาภเจริญกิจ ผู้จัดการโครงการ (Co-Project manager) กล่าวว่า อยากให้โซลาร์เซลล์เข้าถึงคนทั่วไปมากขึ้น จึงเป็นที่มาของโครงการรวมกลุ่มติดโซลาร์ (Solar Collective Purchase) และแคมเปญ ‘ก๊วนหิวแสง’ เป็นโครงการของกองทุนแสงอาทิตย์ที่ดำเนินการโดยวิสาหกิจเพื่อสังคม (อาร์อีเจเนอเรชั่น) โดยรวมกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นบ้านเรือนและร้านค้าขนาดเล็กในชุมชน เพื่อติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่มีคุณภาพ มีการขออนุญาตถูกต้อง มีการรับประกันหลังการขาย และมีราคาถูกกว่าราคาตลาดด้วยพลังการรวมกลุ่มของผู้บริโภครายย่อย ตัวโครงการจะดำเนินการในรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคมแบบไม่แสวงหาผลกำไร และได้รับทุนดำเนินการจากสภาองค์กรของผู้บริโภค และองค์กรผู้บริโภคสากล “เป็นครั้งแรกที่ประชาชนรวมตัวกันเพื่อเจรจาราคากับผู้ติดตั้ง ทำให้ได้ระบบโซลาร์เซลล์ที่ดี ราคาถูก และมีความมั่นใจมากขึ้น เราไม่ได้ทำเพื่อกำไร แต่เพื่อรวมพลังของผู้บริโภค ให้เข้าถึงโซลาร์เซลล์ที่มีคุณภาพ ในราคาที่เอื้อมถึงได้” ธีระพงศ์ กล่าว “หากติดตั้งระบบมาตรฐานในราคาประมาณ 70,000–80,000 บาท จะสามารถคืนทุนได้ในเวลา 3.7 ปี และให้ผลตอบแทนมากกว่า 25% ต่อปีในระยะยาว แต่ยังมี อุปสรรคสำคัญคือ ประชาชนจำนวนไม่น้อยไม่มีเงินก้อนเพียงพอที่จะจ่ายล่วงหน้า ทำให้เกิดคำถามถึงความเป็นไปได้ของ ระบบผ่อนชำระ ซึ่งปัจจุบันโครงการยังไม่สามารถรองรับได้” ธีระพงศ์ กล่าว ในขณะนี้มีผู้สมัครวางมัดจำและจะติดตั้งกับโครงการจำนวนจำนวน 40 หลัง ซึ่งซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการการสำรวจบ้านและทำสัญญาติดตั้ง และอาจเปิดรับอีก 10 หลัง อุปสรรคเชิงนโยบาย: โซลาร์ภาคประชาชนยังไม่ถึงฝั่ง ข้อมูลจาก ศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) เผยแพร่ความคืบหน้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชนว่า กระทรวงพลังงาน มีแนวคิดที่จะขยายการรับซื้อไฟฟ้าในโครงการนี้เพิ่มเติม หลังหยุดรับซื้อไฟฟ้าไปตั้งแต่เดือน ก.ค.2567 เนื่องจากในขณะนั้นมีผู้สนใจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) จำนวนมากเข้าร่วมโครงการ ส่งผลให้ปริมาณไฟฟ้าเต็มโควตาที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดรับซื้อทั้งสิ้น 90 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเปิดรับซื้อรอบใหม่ได้ไม่น้อยกว่า 400 เมกะวัตต์ต่อปี โดยอาจต้องพิจารณาในลักษณะปีต่อปีตามความเหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นปริมาณมากที่สุดเท่าที่เคยเปิดรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ภาคประชาชนมา แต่การเปิดรับซื้อไฟฟ้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชนรอบใหม่นั้น คงต้องรอให้การจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวของไทย หรือ แผน PDP ฉบับใหม่เสร็จสิ้นก่อน และอาจต้องเปลี่ยนชื่อจาก แผน PDP 2024 เป็นแผน PDP 2025 แทน ซึ่งจะครอบคลุมการใช้งานระหว่างปี 2568-2580 อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ จาก TDRI ได้เคยนำเสนอบทวิเคราะห์ร่างแผนไฟฟ้าของไทย ในงานสัมมนา ‘PDP 2024 เร่ง หรือ รั้ง พาไทยสู่เป้าพลังงานสะอาด’ ว่า แม้แผน PDP ฉบับล่าสุดจะเพิ่มเป้าหมายพลังงานสะอาดจาก 36% เป็น 51% ภายในปี 2037 แต่การดำเนินการยังช้ากว่าความต้องการของภาคอุตสาหกรรม เช่น กลุ่ม RE100 ต้องการใช้พลังงานสะอาด 100% ภายในปี 2030 และมาตรการเก็บภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดนของยุโรป (CBAM) จะมีผลในปี 2026 อีกทั้งการคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเกินจริงในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าสำรองเกิน 40% และต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment) ให้โรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานมากถึง 500,000 ล้านบาท ซึ่งต้นทุนนี้ถูกผลักภาระมายังประชาชนผ่านค่าไฟฟ้า อารีพร จึงมีข้อเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ การกลับไปทบทวนประมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง สร้างโรงไฟฟ้าตามการคาดการณ์ที่เหมาะสมจะได้ลดค่าความพร้อมจ่ายที่ประชาชนต้องจ่าย ในส่วนโรงไฟฟ้าที่จำเป็นต้องสร้างทดแทนของเก่า เสนอว่า ควรทบทวนการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว ให้ผู้ผลิตไฟฟ้ารับผิดชอบต้นทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าด้วย จะได้เป็นการลดภาระของภาครัฐ เพราะการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานฟอสซิล เป็นเหมือนกับดัก ไม่ให้เรามีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพิ่ม ส่วนโรงไฟฟ้าที่สร้างไปแล้ว ค่อยๆ ทะยอยชำระหนี้ โดยสัญญาค่าความพร้อมจ่ายสามารถยืดอายุออกไปได้ แล้วเปิดโอกาสให้มีโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดเข้ามาเสริมได้ อารีพร ระบุว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ข้อจำกัดคือ เนื้อที่ในการสร้างโรงไฟฟ้าต้องเยอะด้วย ทำให้เราต้องเน้นทั้งสองฝั่ง คือ โครงการขนาดใหญ่ที่ภาครัฐต้องลงทุนอย่างโซลาร์ฟาร์ม กับอีกด้านคือ โซลาร์ภาคประชาชนที่ติดตั้งอยู่บนหลังคาบ้านเรือน นักวิชาการจาก TDRI แจกแจงปัญหาว่า ปัจจุบันแม้มีการพูดถึงโซลาร์รูฟท็อป แต่ยังไม่มีนโยบายที่เอื้อต่อการเข้าถึงของประชาชนอย่างแท้จริง * ปัญหาอย่างแรก คือ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งค่อนข้างสูง ใช้เวลาคืนทุนนาน ภาครัฐยังไม่มีนโยบายด้านการเงินให้การสนับสนุน เช่นการหาแหล่งเงินกู้ ดอกเบี้ยต่ำให้กับครัวเรือนที่จะติดตั้งโซล่ารูฟท็อป    * ปัญหาที่สอง คือ ไม่มีการสื่อสารประชาชนให้ได้ทราบว่ามีหน่วยงานกลางที่รับทำการติดตั้งโซล่ารูฟท็อป ซึ่งครัวเรือนสามารถทำสัญญาเช่ากับหน่วยงานนั้น ไม่ต้องลงทุนเอง เรียกว่ายังขาดนโยบายให้ประชาชนเข้าถึงการติดตั้ง   * สำหรับการขายไฟคืน ก็มีปัญหาเช่นกัน    1) การกำหนดโควต้าขายไฟคืนต่ำเกินไป ตอนนี้เกินโควต้าไปแล้ว  ทำให้ประชาชนที่อยากจะติดตั้งโซลาร์รูปท็อปได้ประโยชน์เพียงลดค่าไฟใน แต่ไม่สามารถขายคืนได้ คนส่วนใหญ่ไม่อยู่บ้านตอนกลางวันจึงไม่ได้ใช้ไฟ และหากไม่ได้ติดตั้งแบตเตอรีสำรองไฟก็ยิ่งใช้เวลายาวนานกว่าจะคุ้มทุน ทำให้ประชาชนไม่เห็นประโยชน์ที่ชัดเจนจากการติดตั้งโซล่ารูฟท็อป  อย่างไรก็ตาม หากมีการเพิ่มโควตา ต้องดูด้วยว่าจะกระทบต่อปัญหาทางเทคนิคของระบบสายโครงข่ายไฟฟ้าหรือไม่  2) ขั้นตอนการขอใบอนุญาตต่างๆ ในการการขายไฟคืนใช้เวลานาน และต้องเตรียมหลายขั้นตอน กว่าภาครัฐจะมาตรวจสอบขอขนานมิเตอร์เพื่อที่จะขายไฟคืน    เสริมพลังชุมชนออฟฟกริด ทุกพื้นที่ต้องมีไฟฟ้า   Image   พิรัฐ อินพานิช นักวิเคราะห์นโยบายและแผน กระทรวงพลังงาน พิรัฐ อินพานิช นักวิเคราะห์นโยบายและแผน กองส่งเสริมและพัฒนาพลังงานภูมิภาค (กพภ.) สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน (สป.พน.) ให้ข้อมูลว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึงอยู่ที่ประมาณ 0.29% โดยเปรียบเทียบว่าถ้าประเทศไทยมีอยู่ 21 ล้านครัวเรือน จะมีพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ประมาณ 6 หมื่นครัวเรือน ส่วนหนึ่งอยู่ในพื้นที่หวงห้าม เช่น ป่าสงวน พื้นที่ทหาร เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า และประชาชนที่อาศัยอยู่มีความเปราะบางในเรื่องความรู้ การศึกษา การสื่อสารทางภาษา รวมทั้งในบางพื้นที่มีทั้งคนไทยและผู้โยกย้ายถิ่นฐานปะปนกัน ซึ่งจำเป็นจะต้องมีวิธีการให้ 0.29% เข้าถึงไฟฟ้าให้ได้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐาน กพภ.และสป.พน. ปัจจุบันดำเนินโครงการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการพลังงานที่ยั่งยืนในพื้นที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง เป็นการทำงานแนวใหม่ที่เน้นการสร้างเครือข่ายปฏิบัติการร่วมกับทุกภาคส่วน “เราปรับวิธีการทำงาน จากเดิมที่ภาครัฐมักจะทำงานประสานกันเองระหว่างหน่วยงาน แล้วค่อยขยายผลไปถึงประชาชน แต่สำหรับกองส่งเสริมและพัฒนาพลังงานภูมิภาค เราเลือกทำงานในลักษณะ ‘ออกด้านข้าง คือขยายออกไปให้กว้าง เชื่อมโยงกับผู้คนที่มีความสามารถหรือมีใจอยากร่วมพัฒนางานด้านพลังงาน นำศักยภาพของแต่ละคนมารวมกัน” พิรัฐ กล่าว ปัจจุบัน กพภ. มีเครือข่ายชุมชนที่ผลิตไฟฟ้าด้วยระบบออฟกริดประมาณ 8 แห่ง ได้แก่ * ไร่รื่นรมย์ จังหวัดเชียงราย * บ้านผาด่าน จังหวัดลำพูน * บ้านดอยแก้ว อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ * มูลนิธิพัฒนาชุมชนผาปัง จังหวัดลำปาง * ชุมชนเกาะจิก จังหวัดจันทบุรี * ชุมชนบ้านป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี * ชุมชนบ้านเกาะหมากน้อย ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา * เกาะบุโหลนดอนและเกาะบุโหลนเล จังหวัดสตูล “สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละชุมชนเป็นเหมือนแบบจำลองของประเทศเล็กๆ หรือสังคมเล็กๆ ที่ประชาชนทุกเพศทุกวัย ทุกอาชีพในหมู่บ้านร่วมกันทำกิจการไฟฟ้า เป็นการบริหารจัดการพลังงานโดยคนในพื้นที่เอง แม้จะเป็นพื้นที่เล็ก แต่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับชุมชนอื่นที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ได้เห็นแบบอย่างและเกิดแรงบันดาลใจว่า ว่าพวกเขาเองก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการไฟฟ้าได้” เขาชี้ให้เห็นถึงปัญหาของแนวคิดแบบสังคมสงเคราะห์ในอดีตว่า เมื่อรัฐติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในชุมชน แต่ไม่มีใครดูแล บำรุงรักษา เมื่อระบบเสื่อมสภาพใน 5-10 ปี ก็ต้องใช้งบประมาณไปติดตั้งใหม่ในที่เดิมอีก ทำให้เกิดความสิ้นเปลือง ไม่ยั่งยืน และบางครั้งรัฐเองก็ยังมีทัศนคติว่า ชาวบ้านไม่สามารถเป็นเจ้าของกิจการไฟฟ้าได้ เกาะบุโหลนดอน จึงเป็นความพยายามในการพิสูจน์ว่า ถ้าเราให้โครงการที่เสริมศักยภาพของชุมชน ชุมชนก็สามารถเป็นเจ้าของและดูแลระบบไฟฟ้าได้เอง สิ่งนี้ต่างหากที่เป็นรากฐานของความยั่งยืน เกาะจิก: ตั้งบริษัทชุมชน ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 100% (ออฟกริด)   Image   เกาะจิก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ท่ามกลางกระแสวิกฤตพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีชุมชนหนึ่งที่สามารถลุกขึ้นยืนด้วยขาของตัวเองได้อย่างมั่นคง นั่นคือ ‘เกาะจิก’ ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนบนเกาะเล็ๆ บริเวณปากแม่น้ำเวฬุ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ที่เปลี่ยนผ่านจากการพึ่งพาเครื่องยนต์ดีเซล มาเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ 100% ทำให้ชุมชนพึ่งพาตนเองด้านพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้อย่างยั่งยืน   Image   ณรงค์ชัย เหมสุวรรณ ณรงค์ชัย เหมสุวรรณ อดีตผู้ใหญ่บ้านเกาะจิก ปัจจุบันดูแลเรื่องพลังงานทดแทนและเป็นคณะกรรมการไฟฟ้าของชุมชนเกาะจิก ให้ข้อมูลว่า ในอดีตชุมชนเคยยื่นขอขยายเขตการไฟฟ้ากับหน่วยงานภาครัฐ แต่ไม่ได้รับการอนุมัติเพราะหน่วยงานเห็นว่าไม่คุ้มทุนต่อการดำเนินการ ส่งผลให้ชาวบ้านเข้าไม่ถึงไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและพัฒนาชุมชน ทำให้ต้นทุนชีวิตสูงขึ้นและไฟฟ้าที่ผลิตได้ในพื้นที่มีไม่เพียงพอ ทำให้ต้องพึ่งพาเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ เสียง และสารเคมี อีกทั้งยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งค่าเครื่องยนต์และค่าน้ำมัน เพื่อลดปัญหาเหล่านี้ ชุมชนได้จัดประชาคมเพื่อวางแผนขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ในการสร้างระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนแบบไฮบริด ทั้งพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานจากเครื่องยนต์ดีเซล โดยได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศบริเวณปากอ่าวของเกาะมีลมไม่เพียงพอ ทำให้ต้องหันมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลัก และให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของคนในพื้นที่ เพื่อดูแลระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านระบบออฟกริดแบบไมโครกริด (Off-grid MicroGrid) ซึ่งไมโครกริด คือ ระบบไฟฟ้าแรงดันระดับต่ำหรือกลาง ที่มีขนาดเล็ก ซึ่งมีการรวมระบบผลิตไฟฟ้า ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการสื่อสาร ระบบกักเก็บพลังงานและระบบควบคุมอัตโนมัติเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าหมุนเวียนได้ 100% ครอบคลุมทั้งเกาะ โดยไม่ต้องพึ่งพาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และมีระบบจัดเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่หลักและสำรองที่เพียงพอและยั่งยืน คนในชุมชนเป็นผู้ดูแลและบำรุงรักษาระบบด้วยตนเอง นอกจากนี้ ชุมชนยังขยายการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ไปยังเรือประมงขนาดเล็ก 40 ลำ เพื่อให้แสงสว่างและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 532 กิโลกรัมต่อวัน รวมถึงนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน โดยใช้เครื่องปั๊มน้ำดูดน้ำจากบ่อธรรมชาติเข้าสู่แท็งก์พักน้ำขนาดรวม 80,000 ลิตร และกระจายน้ำสู่ครัวเรือนผ่านระบบท่อแบบลักน้ำ และวางข้อตกลงร่วม เช่น ห้ามใช้ยานพาหนะที่ก่อให้เกิดมลพิษ ยกเว้นกรณีจำเป็น เช่น การขนของขึ้นพื้นที่สูง โดยมีรถซาเล้งเพียง 1-2 คัน ใช้จักรยานและรถเข็นแทนการเดินทางทั่วไป และห้ามใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขดลวด ห้ามติดเครื่องปรับอากาศ และไม่อนุญาตให้มีสถานบันเทิงบนเกาะ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตที่ยั่งยืนในช่วงแรก   Image   ชุมชนยังมีมติให้มีการจัดตั้งองค์กรขนาดเล็กที่ไม่แสวงหากำไรเพื่อบริหารจัดการ การใช้ไฟฟ้าของคนในชุมชนโดยคณะกรรมการหมู่บ้านภายใต้ ‘บริษัทจัดการพลังงานเกาะจิก’ (Koh Jik Energy Service Company หรือ ESCO) โดยจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ในราคา 13 บาท/หน่วย ซึ่งผู้ใช้ไฟฟ้าจะจ่ายให้กับบริษัทฯ 11 บาท/หน่วย ส่วนที่เหลือมาจากกองทุนพลังงานสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อมบ้านเกาะจิก (Kohjik Clean Energy Environment) ที่มีเงินทุนจากการขายคาร์บอนเครดิตที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน (Renewable Energy Credit) สนับสนุนโดยองค์กรอัลโลโทรป พาร์ทเนอร์ (Allotrope Partners) ในการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าชาวบ้าน 2 บาท/หน่วย “ตอนที่เราทำโซล่าเซลล์ ไมโครกริดใหม่ๆ ที่เกาะจิก ไฟดับบ่อย โดยเฉพาะตอนละครทีวีกำลังสนุก เสียงโห่จากบ้านต่างๆ ดังลั่นเลยครับ มันเป็นเรื่องของความเชื่อใจ ชาวบ้านฝากความหวังไว้กับคณะกรรมการ ถ้าไม่มีความเข้มแข็ง ระบบก็ไปไม่รอด” ณรงค์ชัย กล่าว “ผมอยากชวนชุมชนอื่นๆ ถ้ามีโอกาสใช้พลังงานทดแทนในชีวิตประจำวันก็อย่าลังเล อย่างน้อยเราควรเป็นหนึ่งคนที่เริ่มทำเรื่องนี้ ส่งต่อแรงบันดาลใจให้เพื่อนบ้านไปด้วยกัน ชุมชนที่สนใจจะทำแบบเกาะจิก อาจเริ่มจากการศึกษาว่าสภาพเศรษฐกิจ สังคม ของแต่ละพื้นที่ เหมาะกับระบบแบบไหน บางแห่งอาจเหมาะกับไมโครกริด ซึ่งเป็นระบบใหญ่และต้องใช้การบริหารจัดการร่วมกันสูงมาก แต่บางแห่งอาจเหมาะกับระบบ Solar Home  ที่เน้นแยกกันดูแลตามครัวเรือนของตนเอง” อดีตผู้ใหญ่บ้านกล่าว เกาะบุโหลนดอน: พื้นที่ต้นแบบโซลาร์โฮมแบบเติมเงิน (ออฟกริด)   Image   เกาะบุโหลนดอน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จังหวัดสตูล เกาะบุโหลนดอน ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จังหวัดสตูล เป็ห่างจากแผ่นดินใหญ่ราว 20 กิโลเมตร มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 100 ครัวเรือน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงและเรือนำเที่ยวขนาดเล็ก มีข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบไฟฟ้าที่ต้องพึ่งพาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลขนาด 50 กิโลวัตต์ ครัวเรือนต่างๆ จึงสามารถใช้ไฟฟ้าได้เพียงวันละ 5-6 ชั่วโมง ในช่วงเวลา 18.00-23.00 น. และต้องเหมาจ่ายค่าน้ำมันเฉลี่ยเดือนละ 300-700 บาท หรือมากกว่าสำหรับร้านค้าที่ต้องใช้ความเย็นเก็บรักษาสินค้า ส่งผลให้ชาวบ้านมีภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเฉลี่ยสูงถึงเดือนละ 900-3,000 บาท เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงพลังงานสะอาด จึงเกิดโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าอย่างยั่งยืนโดยความร่วมมือของหลายภาคส่วน อาทิ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ), กระทรวงพลังงาน, โครงการ ReCharge และสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ได้เข้ามาดำเนินการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในรูปแบบโซลาร์โฮมไฟฟ้ากระแสตรง (DC Solar Home System) โดยมีให้เลือก 3 แพ็คเกจตามขนาดและการใช้งาน ตั้งแต่ระดับ S ราคา 160 บาทต่อเดือน ไปจนถึงระดับ L ราคา 900 บาทต่อเดือน ซึ่งรวมถึงการใช้งานตู้เย็นและโทรทัศน์   Image   โซลาร์โฮมกับเครื่องใช้ไฟฟ้า จุดเด่นของโครงการนี้คือการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าในชุมชน เพื่อดูแลระบบและบริหารจัดการผ่านระบบเติมเงิน ‘Pay as You Go’ คล้ายกับการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ ช่วยให้ชุมชนสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามจริง อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกในรูปแบบของพลังงานในฐานะบริการ (Energy as a Service) ที่ชุมชนบริหารเอง โครงการนี้ยังได้รับรางวัลดีเด่นด้านพลังงานทดแทนจากเวที Thailand Energy Awards 2022 ในหมวดโครงการ Off-Grid ที่ไม่เชื่อมโยงกับสายส่งไฟฟ้า และยังได้ยังได้รับรางวัล รองชนะเลิศ อันดับหนึ่ง จาก ASEAN Energy Award 2022 ในหมวด Off-Grid อีกด้วย โมเดลจากยุโรป: ระบบ Net Metering หัวใจสำคัญจูงใจประชาชน การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในยุโรป ไม่ได้ขับเคลื่อนโดยภาครัฐหรือบริษัทพลังงานเพียงฝ่ายเดียว แต่เกิดจากการผลักดันให้ประชาชนมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะผ่านระบบ Net Metering หรือ ระบบหักลบกลบหน่วยไฟฟ้า ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองและส่งคืนพลังงานส่วนเกินเข้าสู่ระบบไฟฟ้า พร้อมได้รับเครดิตหรือค่าชดเชยกลับมา เยอรมนี เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าภาคประชาชนอย่างจริงจัง ผ่านระบบ Net Metering ที่ร่วมมือกับบริษัทพลังงานขนาดใหญ่ เช่น E.ON และ RWE ผู้บริโภคสามารถติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และหักลบค่าไฟกับพลังงานที่ผลิตได้ รวมถึงได้รับเครดิตจากการส่งพลังงานส่วนเกินกลับเข้าสู่ระบบ อิตาลี รัฐบาลอิตาลีสนับสนุนโครงการ Conto Energia เพื่อจูงใจประชาชนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ โดยมีระบบ Net Metering เป็นเครื่องมือช่วยลดค่าไฟฟ้าในครัวเรือน บริษัท Enel ซึ่งเป็นผู้ให้บริการพลังงานรายใหญ่ของอิตาลี มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายนี้ สเปน ภายใต้นโยบาย ‘Autoconsumo’ หรือ ‘การบริโภคพลังงานตัวเอง’ สเปนเปิดโอกาสให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าใช้เอง และรับค่าชดเชยจากพลังงานส่วนเกินที่ส่งคืนสู่ระบบ โดยบริษัท Iberdrola สนับสนุนการติดตั้งและบริการวัดสุทธิอย่างครบวงจร เนเธอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์นำเสนอระบบ Net Metering ที่ให้ ค่าชดเชยเต็มจำนวน สำหรับพลังงานที่ผู้บริโภคส่งกลับเข้าสู่ระบบไฟฟ้า ส่งผลให้ครัวเรือนมีแรงจูงใจสูงในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ บริษัทเช่น Vattenfall และ Eneco มีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค จากโมเดลของยุโรปจะเห็นได้ว่า Net Metering คือหัวใจสำคัญ ที่ทำให้พลังงานแสงอาทิตย์เติบโตอย่างรวดเร็ว และประชาชนสามารถเป็นเจ้าของระบบพลังงานได้จริง หากประเทศไทยต้องการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการผลิตและใช้พลังงาน จะเป็นกุญแจสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม เพิ่มพื้นที่ในนโยบาย: พลังงานแสงอาทิตย์ไทยต้องไปต่อ แม้พลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นทางเลือกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานสะอาด แต่หากนโยบายยังไม่เปิดทางอย่างจริงจัง ประชาชนก็ยากที่จะเข้าถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ได้อย่างแท้จริง ธีระพงศ์ เจ้าของโปรเจ็กต์ ‘ก๊วนหิวแสง’ เสนอให้ภาครัฐผลักดันนโยบาย Net Metering หรือ Net Building เพื่อให้ประชาชนสามารถหักลบค่าไฟฟ้าที่ผลิตและใช้เองได้ พร้อมเปิดโควต้าการขายไฟคืนให้มากขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำด้านราคารับซื้อไฟ และเร่งกระบวนการอนุมัติให้รวดเร็วขึ้น รวมถึง เสนอให้เพิ่มการผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (Distributed Energy) เพื่อให้ประชาชนพึ่งตนเองได้ และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ในขณะที่ ณรงค์ชัย อดีตผู้ใหญ่บ้านเกาะจิก เน้นย้ำว่ากฎหมายต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และภาครัฐควรส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานสะอาดได้จริง โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้น้อยที่ยังติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ไม่ไหว หากมีการสนับสนุน เช่น เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยหรือเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ก็จะช่วยลดภาระและกระจายพลังงานสะอาดอย่างทั่วถึง อารีพร นักวิชาการจาก TDRI ชี้ให้เห็นว่า แม้ประเทศไทยจะมีแผนพลังงานที่ดี แต่การดำเนินการยังล่าช้ากว่าความต้องการ หากต้องการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และ Net Zero Emissions ภายในปี 2065 พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในรูปแบบโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชนต้องมีบทบาทสำคัญ “จากเป้าหมายตามร่างแผน PDP 2020 ในปี 2037 เราจะต้องมีไฟฟ้าพลังงานสะอาด ที่ 51% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งปี 2030 เราต้องมีการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่ 30% หรือมากกว่าปี 2024 ถึง 5 เท่า เพื่อเป็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งในรูปแบบโซล่าฟาร์มและโซลาร์ภาคประชาชน รวมถึงการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้สามารถรองรับพลังงานหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” อารีพร กล่าวพร้อมเสนอให้ภาครัฐศึกษามาตรการต่างๆ อย่างจริงจังเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งกับผู้ที่สามารถติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้และผู้ที่ไม่สามารถติดตั้งได้ รวมทั้งพิจารณาเปิดโควต้าขายไฟคืนมากขึ้น ปรับขั้นตอนการขออนุญาตให้สะดวกขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมผลิตพลังงานสะอาดให้มากขึ้น พิรัฐ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากการทำงานที่ผ่านมา หลายองค์กรที่มีความพยายามและเป้าหมายเดียวกันในการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าให้เข้าถึงทุกคน แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการประชุมร่วมกัน ทางกพภ.ควรตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกัน รวมถึงจัดการกฎระเบียบต่างๆ ให้ยืดหยุ่น หรือมีกฎระเบียบในพื้นที่เฉพาะพิเศษออกมาอย่างชัดเจน รวมทั้งเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ เช่น ภาคประชาสังคม ภาคเอกชนมาทำงานร่วมกัน ท้ายที่สุด การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและทัศนคติของระบบพลังงานไทย ที่ต้องยอมรับว่า ประชาชนไม่ใช่แค่ผู้ใช้ไฟ แต่คือผู้ผลิตที่ควรมีสิทธิ์เท่าเทียม หากต้องการเห็นหลังคาไทยกลายเป็นแหล่งพลังงานสะอาด ควรเริ่มจากการเปิดทางให้ประชาชนสามารถ ‘เปิดหลังคารับแสง เปิดโอกาสพลังงานแสงอาทิตย์สู่มือประชาชน’ ได้อย่างเสรี เป็นธรรม และยั่งยืน ที่มาข้อมูลบางส่วน :  https://www.thailandsolarfund.org/ https://www.greenglobeinstitute.com/Frontend/Content.aspx?ContentID=4ec1bbc4-51e3-4828-a3de-36fcffb5ee27  https://tdri.or.th/2024/07/review-pdp2024-news/ https://energyevolutionconference.com/power-of-net-meteringrenewable-energy/ https://www.energynewscenter.com/%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%82%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b9%82%e0%b8%8b/  * รายงานพิเศษ * สังคม * คุณภาพชีวิต * สิ่งแวดล้อม * ท้องถิ่นสร้างสื่อสอบ * depth * พลังงานแสงอาทิตย์
dlvr.it
August 5, 2025 at 8:03 AM Everybody can reply
โชชุนวางของที่เขาช่วยถือให้เธอ ก่อนที่เจ้าหมีจะนิ่งไปครู่หนึ่ง เขามองอีกฝ่ายผ่านเส้นผมที่ปรกตา ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะหยิบเอาคุกกี้วางแปะลงบนหัวของโคเท็ตสึ เพราะมือของเธอไม่ว่าง

"ให้...เติมพลังงาน"

เขาว่าแบบนั้นก่อนจะผละมือออกมาอย่างรวดเร็ว

"สู้ๆกับวันทำความสะอาด" โบกมือลาอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากจนยากสังเกตุ
July 30, 2025 at 6:05 AM Everybody can reply
นั่นก็เป็นหนึ่งในความคิดที่เข้ามาในหัวเขาเหมือนกัน

"...อย่ารู้ทันน่า"

ยูกิโตะขยับตัวไปเช็ดกระดานแล้วถอนหายใจ การทำความสะอาดนี่ก็ต้องใช้แรงด้วยสินะ

เปลืองพลังงานจัง รู้งี้วันนี้โดดดีกว่า
July 29, 2025 at 10:28 AM Everybody can reply
ชั้นรักแมวอะ ชอบแมวมาก ๆ แบบมาก ชั้นชอบที่มันไม่ต้องใช้พลังงานเยอะเวลาเล่นด้วยอะ กลับบ้านมาก็นอนกอดกันกลมอยู่แลัว นี่เล่นมกับหมาละเหนื่อย จริง ๆ ก็เลี้ยงหมาได้ ชอบหมา แต่ไม่เท่าแมว ถ้าเลือกได้นี่คงเลือกแมว แมวแบบสะอาด ถ้าดื้อก็ดื้อแค่ในบ้าน หมามันกัดแรงอะ กัดชั้นขาช้ำเลย งง หมาชั้นแปลกมาก โคตรดื้อ เดี๋ยวพาไปวิ่งเล่นก่อน รำคาญ
June 28, 2025 at 6:08 AM Everybody can reply
5. ความเท่าเทียมทางเพศ – ส่งเสริมสิทธิและโอกาสของทุกเพศ

6. น้ำสะอาดและสุขาภิบาล – เข้าถึงน้ำสะอาดและระบบสุขาภิบาล

7. พลังงานสะอาดและเข้าถึงได้ – ใช้พลังงานที่ยั่งยืน

8. งานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ – ส่งเสริมเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

9. อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน – พัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน
June 11, 2025 at 12:53 PM Everybody can reply
CKPower สุดแกร่ง! ประกาศผลประกอบการ Q1/68 กำไรพุ่ง 305 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน แรงหนุนหลักจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และไซยะบุรี ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น พร้อมเดินหน้าลุยพลังงานสะอาดเต็มสูบ! 🚀

#CKPower #พลังงานหมุนเวียน #ผลประกอบการ #โรงไฟฟ้าพลังน้ำ #พลังงานสะอาด #ลงทุน

อ่านต่อ https://th.xee4.com?p=7434
May 12, 2025 at 9:51 AM Everybody can reply
📢 ข่าวดีตลาดพลังงานสะอาด! ไอเอเอ็นโซลาร์เอ็นเนอร์ยี่ ฉลอง 15 ปี พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย จับมือ 3 พันธมิตรระดับโลก JA Solar, Solis, Dyness ลงนาม MOU เสริมทัพพลังงานแสงอาทิตย์ไทยอย่างยั่งยืน! มุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและบริการครบวงจร #พลังงานแสงอาทิตย์ #โซลาร์เซลล์ #IAN Solar…

อ่านต่อ https://th.xee4.com?p=7226
May 10, 2025 at 4:30 AM Everybody can reply
🛫🌍 ประวัติศาสตร์การบินไทย! OR จับมือ บางกอกแอร์เวย์ส ใช้ 'SAF' น้ำมันอากาศยานยั่งยืนที่ผลิตในไทยเป็นครั้งแรก!

นี่คืออีกก้าวสำคัญสู่การบินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ! ผลิตโดย PTT Global Chemical

#OR #บางกอกแอร์เวยส์ #SAF #การบินยั่งยืน #พลังงานสะอาด #NetZero

อ่านต่อ https://th.xee4.com?p=7070
May 9, 2025 at 7:54 AM Everybody can reply
🇹🇭🇨🇳 งานใหญ่มาแล้ว! ไทย-จีน เตรียมจัด 'Thailand–China Cooperation Expo 2025' ฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์สุดแน่นแฟ้น! พบโอกาสธุรกิจ การลงทุน เทคโนโลยี ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด และจับคู่ธุรกิจครบวงจร พร้อมโซนหางาน-การศึกษา
🗓️ 26-28 ก.ย. 68
📍 อิมแพ็ค…

อ่านต่อ https://th.xee4.com?p=7011
May 9, 2025 at 3:33 AM Everybody can reply
วิศวลาดกระบังสุดล้ำ! เปิดห้องปฏิบัติการพลังงานทดแทนและยานยนต์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนไทยสู่สังคมสีเขียว ปั้นนวัตกรพลังงานรุ่นใหม่ พร้อมวิจัย-ทดสอบเทคโนโลยีสะอาดครบวงจร! #วิศวลาดกระบัง #สจล #พลังงานสะอาด #ยานยนต์ไฟฟ้า #BCG #SDGs

อ่านต่อ https://th.xee4.com?p=6652
May 7, 2025 at 4:24 AM Everybody can reply
สมาคมกีฬาจักรยานฯ โดย 'เสธ.หมึก' ประกาศแผนใหญ่ปี 2568! ชู 2 โครงการเด่น: TCA Green Cycling เน้นพลังงานสะอาด รักษ์โลก และผนึก สสส. ต้านภัย 'บุหรี่ไฟฟ้า' ปกป้องเยาวชน! 🚴💨 พร้อมเปิดสนาม 3 แข่งขันและกิจกรรมเพื่อสุขภาพ ที่สระแก้ว 9-11 พ.ค.นี้ ห้ามพลาด! #สมาคมกีฬาจักรยาน #TCAGreenCycling

อ่านต่อ https://th.xee4.com?p=6590
May 6, 2025 at 12:03 PM Everybody can reply
🚨 ด่วน! นายกฯ แพทองธาร สั่งคุมเข้ม #ค่าไฟ งวด ก.ย.-ธ.ค. 68 ไม่ให้เกิน 3.99 บาท/หน่วย! ⚡️

พร้อมเร่งดันพลังงานสะอาด ลดภาระประชาชน ในที่ประชุม กพช. วันนี้!

รายละเอียดมาตรการและแผนพลังงานใหม่ อ่านต่อที่นี่! #ข่าววันนี้ #พลังงาน #เศรษฐกิจ #แพทองธาร #กพช.

อ่านต่อ https://th.xee4.com?p=6566
May 6, 2025 at 10:39 AM Everybody can reply
พรุ่งนี้จับตา! นายกฯ แพทองธาร เตรียมประชุม กพช. เคาะ "ค่าไฟงวดใหม่" ก.ย.-ธ.ค. 68 พร้อมผลักดันพลังงานสะอาด รัฐบาลย้ำดูแลประชาชนเต็มที่ #ค่าไฟ #พลังงาน #รัฐบาล #แพทองธาร #กพช.

อ่านต่อ https://th.xee4.com?p=6321
May 5, 2025 at 4:18 AM Everybody can reply
🔥 โลกเดือด! ไทยจริงจังแค่ไหนกับพลังงานสะอาด? 🇹🇭 กระทรวงทรัพยากรฯ และ GPSC ล่าสุดบินลัดฟ้าไปฝรั่งเศส เพื่อศึกษา 'SMR' เทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กสุดปลอดภัย หวังเป็นทางเลือกพลังงานหลักช่วยไทยสู่เป้า Net Zero ในปี 2065!

SMR คืออะไร? ทำไมถึงน่าสนใจกว่านิวเคลียร์แบบเดิม? และไทยพร้อมแค่ไหน?…

อ่านต่อ https://th.xee4.com?p=4981
April 27, 2025 at 6:42 AM Everybody can reply