𝕽𝔞𝔭𝔥𝔯𝔬𝔞𝔦𝔤 ♱̥̇ 𝔖𝔠𝔥
@son0fhatred.bsky.social
25 followers 24 following 260 posts
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀ ⠀♱ 𝖥𝖺𝗍𝗁𝖾𝗋 𝗈𝖿 𝐌𝐨𝐧𝐚𝐭𝐞𝐫𝐫𝐚 𝐒𝐚𝐧𝐜𝐭𝐮𝐚𝐫𝐲 ⛧
Posts Media Videos Starter Packs
Pinned

⠀⠀⠀ ว่าด้วยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
⠀⠀⠀ ย่อมต้องมี 'กฎข้อห้าม'

โปรดรักษาความสงบ
แลปฏิบัติตาม

━━ 𝕽𝔞𝔭𝔥𝔯𝔬𝔞𝔦𝔤 ♱̥̇ 𝔖𝔠𝔥
(ตอนแรกก็ว่าจะทำแบบอันที่คุยกับแอนนี่ แต่คิดอีกที ไหนๆมาเจอกันครั้งแรก ก็ควรมีหน่อยมั้ง)
(ครือ ก็ไม่คิดไง คิดไม่ถึง เข็มขัดสั้น ยูโหน้ว)
(แปลว่าเลือกรูปถูกใจ)
(แปลว่าเลือกรูปถูกใจ)
(หลังม่านฮ้อปอยู่บนรฟฟ.จะบ้า)


⠀⠀⠀’เห็นเสียแล้วเหรอ
ไม่ใช่อย่างที่คิดหรอก’

อย่าเชื่อในทุกสิ่งที่เห็น

━━ 𝕽𝔞𝔭𝔥𝔯𝔬𝔞𝔦𝔤 ♱̥̇ 𝔖𝔠𝔥



ท้องฟ้าช่วงโพล้เพล้ถูกย้อมด้วยสีเข้ม แทนที่แสงสีส้มสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่เริ่มอ่อนลง เงาสูงชะลูดของราฟรอยก์บิดเบือนไปจากความเป็นจริงจนดูคล้ายกับอสูรกาย รอบข้างเงียบสงัดและไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต

เบื้องหน้าของเขาปรากฏอาคารโบราณคร่ำครึที่ถูกสร้างจากหิน คะเนจากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ทำให้คาดเดาได้ว่าเป็นโบสถ์หลังหนึ่ง



บุรุษผู้ถูกเรียกผินหน้ากลับมา อมยิ้มเล็กน้อยตอบด้วยถ้อยความสั้นกระชับ

"บัญชาของนาง"

เพียงเท่านี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้าที่จะสอบถามต่อ สตรีผู้ช่วยหรุบสายตาลงต่ำไม่สบกับผู้เป็นนายอีก มือทั้งคู่ประสานกันอย่างสุภาพไว้ที่หน้าตักขณะรอคอยให้ราฟรอยก์เดินออกจากเคหะสถานแห่งนี้จนลับหายไปจากคลองจักษุ



"คุณราฟรอยก์จะออกไปไหนคะ ดิฉันจะได้ให้คนเตรียมรถให้"

สตรีผู้นั้นสวมเสื้อสูทสีดำคู่กับกับกระโปรงยาวระดับเข่าดูสุภาพ ปลายผมบลอนด์ม้วนเก็บเป็นมวยหลวม ๆ อยู่ด้านหลัง เธอเป็นผู้ดูแลประจำ 𝐒𝐚𝐧𝐜𝐭𝐮𝐚𝐫𝐲 𝐨𝐟 𝐌𝐨𝐧𝐚𝐭𝐞𝐫𝐫𝐚 บริเวณที่อยู่ถัดจากส่วนของศาสนสถาน หากใช้มุมมองเดียวกับบริษัท จะเรียกว่าเลขาก็คงไม่ผิดนัก



ราฟรอยก์ขยิบตาก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป

“คนเรามักจะกลัวในสิ่งที่ไม่เข้าใจนั่นแหละ”

แอนนี่ไม่ทันได้สังเกตเห็นแหวนสลักรูปสัญลักษณ์ขององศาระดับสูงในกลุ่มภาคีรอบนิ้วมือซ้ายของราฟรอยก์เลยแม้แต่น้อย

⠀⠀⠀ ─── ⋆⋅ ♰ ⋅⋆ ───



“แอนนี่กลัวกลุ่มภาคี แต่กลับไม่กลัวคนที่ห้อยเครื่องทรมานไปไหนต่อไหน แล้วก็ดื่มกินเลือดเนื้อเชิงสัญลักษณ์ในพิธีกรรมน่ะเหรอ”

ผู้ฟังอ้าปากค้าง เขาไม่ทันคิดว่า ไม้กางเขนที่มีพระเยซูถูกตรึงอยู่นั้นเป็นทัณฑ์ทรมานแบบโบราณ แถมจะนับว่าเป็นเครื่องประหารก็ไม่ได้ผิดนัก และการดื่มเลือดกินเนื้อ ก็หมายถึงดื่มไวน์รับประทานขนมปังในพิธีศีลมหาสนิทนั่นเอง

“เปิดใจกว้าง ๆ หน่อยสิ”



“แล้วคุยกับผม แอนนี่ไม่กลัวบ้างรึไง”

ราฟรอยก์แกล้งเย้าอีกรอบ รอยยิ้มเล็ก ๆ วาดขึ้นที่มุมปาก ขณะจะเอื้อมมือไปหยิบมาการองจากในถาดโลหะ กลับพบว่ามันเหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

“ก็คุณเป็นคาทอลิกไม่ใช่เหรอ”

แอนนี่ถามกลับ เรียวนิ้วชี้ตรงมายังจี้เครื่องหมายกางเขนที่ห้อยอยู่ที่คอ นัยน์ตาของผู้ถูกชี้หรุบลงต่ำมองตามก่อนที่จะเปิดปากขึ้นมาอีกครั้ง



“ถ้ากลุ่มภาคีไม่ใช่ทั้งสมาคมลับ แถมยังไม่ใช่ศาสนาอีก แล้วมันเป็นอะไรกันล่ะ”

ถามได้ดี

“แล้วทำไมไม่ลองถามลูกค้าคนนั้นดูล่ะ”

ราฟรอยก์ท้าทาย ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้คำตอบ แต่ก็อยากให้อีกฝ่ายได้ลองฟังเรื่องราวจากคนอื่นดูบ้าง ไม่สิ ไม่ใช่คนอื่นธรรมดา หากแต่มาจากคนในกลุ่มเสียด้วย

“ไม่เอาหรอก เกิดโดนจับไปทำพิธีกรรมอะไรแปลกๆขึ้นมาจะทำไงเล่า”

แอนนี่โวยวายขึ้นมาทันที



⠀⠀⠀’เห็นเสียแล้วเหรอ
ไม่ใช่อย่างที่คิดหรอก’

อย่าเชื่อในทุกสิ่งที่เห็น

━━ 𝕽𝔞𝔭𝔥𝔯𝔬𝔞𝔦𝔤 ♱̥̇ 𝔖𝔠𝔥



ไม่แปลกที่แอนนี่จะเข้าใจแบบนั้น แท้จริงแล้วก็มีกฎห้ามพูดถึงประเด็นศาสนาภายในกลุ่มภาคีด้วยซ้ำ

“ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ต้องบอกว่ากลุ่มภาคีเปิดกว้างกว่านั้น ทุกเชื้อชาติ ทุกสีผิว ทุกภาษา ทุกหลักความเชื่อ ไม่มีการถูกกีดกันใด ๆ เลย”

“ฟังดูดีไปรึเปล่า”

แอนนี่แย้งทันควัน ชักสงสัยแล้วสิว่าตาลุงลูกค้าภาคีคนนั้นไปทำอะไรไว้ ทำไมเจ้าของร้านผู้นี้จึงได้ดูมีอคติกับกลุ่มภาคีนัก



“รับประกัน ว่าจะพ้นบาป ศรัทธาในพระเจ้าหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแน่ชัด และเปลี่ยนแปลงคนที่ไม่นับถือให้หันมานับถือ แต่พวกภาคีไม่มีสักอย่าง ไม่ได้บอกว่าจะพ้นบาป ไม่ได้ศรัทธาอะไรชัดเจน แล้วก็ไม่ได้พยายามเปลี่ยนใครมาเข้าพวกด้วย”

คราวนี้เขาอธิบายเสียยาวเหยียดให้จบในคราเดียว

“งั้นก็ต่อต้านศาสนาเหรอ”



“แล้วมันไม่ใช่ศาสนาตรงไหนล่ะ”

“รู้จักหลัก 3 ประการที่ทำให้กลุ่มหรือลัทธิอะไรสักอย่างถูกยอมรับว่าเป็นศาสนาไหมล่ะ”

“ใครจะไปรู้”

แอนนี่ตอบสั้น ๆ แบบไม่ใส่ใจแล้วมาการองในถาดก็หายไปอีกชิ้น

“รับประกัน ศรัทธา และเปลี่ยนแปลง”

ผู้ฟังไม่ได้มีสีหน้าเข้าใจมากกว่าเดิมเลยสักนิด ในขณะที่ราฟรอยก์รินชาซีลอนเพิ่มให้แก่ตนเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย



“แค่จะบอกว่าพวกเขาก็มีการปกครองเป็นลำดับชั้น แล้วก็เก็บความลับกันเก่งเหลือเกินเท่านั้นแหละ”

“ลูกค้าคนหนึ่งของผมก็ติดเข็มกลัดเน็คไทสัญลักษณ์ของกลุ่มภาคีอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินว่าภรรยาของเขาไม่ชอบนักหรอก เพราะมันเหมือนศาสนาประหลาด ๆ อะไรทำนองนั้น”

ราฟรอยก์ส่ายหน้าไปมาอย่างแช่มช้า

“คนเราก็รับรู้แบบผิด ๆ ไปเรื่อยนั่นแหละ”



“เรื่องนั้น ใครจะไปยอมให้กันล่ะ”

แอนนี่กอดอก ริมฝีปากคว่ำลงราวกับเง้างอนทันที

“วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำได้ก็คือ มาเป็นลูกจ้างให้กับร้าน ทำงานและเรียนรู้ไปเรื่อยๆหลายปีจนได้รับความไว้วางใจ จนกระทั่งได้ร่วมรับรู้สูตร แต่ก็คงต้องสัญญาว่า จะเก็บทุกอย่างเป็นความลับอยู่ดี”

“จะบอกว่าภาคีพวกนั้นเหมือนกับร้านของผมเนี่ยนะ”

เขาพูดเสียงเบาราวกับพึมพำกับตนเอง แต่แน่นอนว่าราฟรอยก์ย่อมได้ยิน



ไม่ได้ผิดเสียทีเดียว ร้านไร้นามตั้งอยู่ริมถนนที่ไม่พลุกพล่าน ผู้มาใช้บริการส่วนมากจะจองเอาไว้ล่วงหน้า หรือไม่ก็เป็นลูกค้าประจำที่รู้จักกันดี

“แต่แอนนี่ก็ต้อนรับลูกค้าทุกคนใช่มั้ยล่ะ เว้นก็แต่ว่ามีลูกค้าสักคนเดินเข้ามาแล้วขอสูตรการทำสตรอว์เบอร์รี่มูสเค้กนี่”

กล่าวจบ ผู้พูดก็ตักมันขึ้นมาลิ้มรส แม้จะไม่ใช่คอของหวานจ๋าอะไร แต่ขนมของที่นี่ก็ดึงให้ราฟรอยก์มาใช้บริการครั้งแล้วครั้งเล่าได้อยู่เสมอ



“ถ้างั้นทำไมพวกสมาชิกภาคีหลายคนถึงได้สวมแหวน ใส่สร้อย หรือว่าติดเข็มกลัดสัญลักษณ์กลุ่มโชว์หราขนาดนั้นล่ะ ขนาดอาคารยังมีสัญลักษณ์บ่งบอกชัดเจนเลย … พวกนั้นไม่ใช่สมาคมลับหรอกนะ แค่เป็นสมาคม ‘ที่มีความลับ’ ต่างหากล่ะ”

“ก็เหมือนกันน่ะแหละ”

แอนนี่เถียงทันควัน

“ถ้าอย่างนั้น ร้านของแอนนี่ถือว่าเป็นสมาคมลับมั้ย”

ราฟรอยก์ถามบ้าง ผู้ถูกถามยิ้มซุกซนก่อนจะตอบกลับ

“ก็นิดหน่อย”



ดูเหมือนจะมีความเข้าใจบังเกิดขึ้นบางส่วน แต่แอนนี่ก็ยังคงท้วงติง

"ยังไงมันก็ดูเข้าถึงยากอยู่ดี เหมือนพวกสมาคมลับอะไรแบบนั้น”

มาการองรสกุหลาบผสมราสป์เบอร์รี่สีชมพูสวยหวานที่วางอยู่บนถาดถูกช่วงชิงไปโดยเจ้าของร้านเสียเอง ขนมของร้านไร้นามนั้นมีชื่อเสียง ย่อมไม่แปลกที่แม้แต่ตัวผู้ที่ทำมันขึ้นมาก็ยังอยากที่จะรับประทาน



“เสียใจด้วยนะ เวลาพูดถึงความลึกลับ ก็ชวนให้นึกถึงการบูชาปีศาจได้อยู่นั่นแหละ แต่ความจริงแล้ว…”

ผู้เล่าจงใจเว้นช่วงครู่หนึ่งเพื่อเพิ่มความใคร่รู้ให้แก่ผู้รับสาส์น

“ความรู้หรือเรื่องราวที่ขัดแย้งต่อศาสนาจะต้องถูกปกปิด หรือกลายเป็น ‘ความเร้นลับ’ และเพราะคริสตจักรรู้สึกว่าตัวเองถูกคุกคามด้วยเรื่องเหล่านี้ จึงมีการนิยามความเร้นลับเสียใหม่ว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย และอคตินี้ก็ยังคงอยู่”



“ถ้างั้นก็ลองไปเข้าร่วมกับกลุ่มภาคีอะไรต่าง ๆ พวกนั้นดูสิ”

ราฟรอยก์ท้าทายขณะที่รินน้ำชาลงในถ้วยตรงหน้า อุณหภูมิของมันถูกรักษาอย่างดีเยี่ยมภายในกากระเบื้องสีขาวมุกใบนั้น

“พวกนั้นไม่ได้บูชาปีศาจ ซาตานหรืออะไรแปลก ๆ กันหรอกเหรอ”

แม้แอนนี่จะเป็นเจ้าของร้าน แต่ผู้เป็นลูกค้าก็บรรจงรินชาลงในถ้วยตรงข้ามให้กับเขาด้วยอยู่ดี



คราวนี้แอนนี่หัวร่อ ยกมือโบกไปมาด้วยความไม่เชื่อทันที

“โกหกน่า เป็นไปไม่ได้หรอก เรื่องบังเอิญรึเปล่า”

“เปล่าเลย เขาเลือกวันและเวลานั้น เพราะพระจันทร์สถิตย์อยู่ในจักรราศีที่เป็นมงคลต่างหากล่ะ”

ราฟรอยก์ตอบเสียงเรียบ ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

“จะบอกว่า ชาวอเมริกันเชื่อเรื่องโหราศาสตร์เนี่ยนะ”

น้ำเสียงของแอนนี่สูงขึ้น ฟังดูไม่เชื่อยิ่งกว่าเดิม



“ถ้าผมบอกว่า ของแบบนั้นไม่ได้มีแค่ในยุโรปล่ะ แม้แต่ประเทศสมัยใหม่อย่างอเมริกา ก็ยังมีของที่คุณว่า แถมไม่ได้แอบซ่อนอยู่อย่างลึกลับ แต่กลับสามารถมองเห็นได้อย่างโต้ง ๆ เสียด้วย”

แอนนี่ไม่ได้ตอบอะไร เขานิ่งเงียบก็จริง แต่สีหน้าดูเหมือนกำลังรอคอยคำพูดถัดไป

“ขนาดอาคารสำคัญ ๆ อย่างพวกแคพิทั่ล ยังถูกกำหนดช่วงเวลาการวางศิลาฤกษ์เลย”



คนถูกถามหยุดไตร่ตรองชั่วขณะ ฉีกยิ้มหวานอีกครั้งแล้วกล่าวตอบ

“ความขลัง วัตถุโบราณ สถาปัตยกรรม และศิลปะที่งดงามที่สุดในโลก”

ชาซีลอนถูกยกขึ้นจิบ อุณหภูมิของมันไม่ถือว่าร้อนเกินไปจนต้องเป่า และไม่ได้เย็นเกินไปจนรู้สึกชืด บ่งบอกถึงความชำนาญในการตระเตรียมของแอนนี่และความตรงต่อเวลาของราฟรอยก์



แม้ถ้วยน้ำชาที่ถูกรินเอาไว้ก็ยังมีควันจาง ๆ ลอยอยู่อ้อยอิ่ง

“นั่งสิ”

ราฟรอยก์เชื้อเชิญ ในความคิดของแอนนี่ เขาเป็นนักธุรกิจร่ำรวยผู้นับถือคริสตจักรอย่างแรงกล้า เครื่องประดับที่สวมใส่มักกอปรไปด้วยสัญลักษณ์ทางศาสนาอย่างเช่น ไม้กางเขน

สายตาตวัดสำรวจออกไปยังหน้าต่างด้านนอกก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง

“ทำไมคุณถึงชอบยุโรปล่ะ”



“จำเป็นต้องมีพิธีรีตรองอะไรขนาดนั้นด้วยเหรอ”

ราฟรอยก์เอ่ยตอบกลับด้วยคำถาม ส่วนผู้ถูกถามเพียงแย้มยิ้มตอบคำเล็กน้อยเท่านั้น

“ก็แค่ทำตัวให้เป็นมืออาชีพเฉย ๆ ”

ชายผู้นี้มีชื่อว่า ‘แอนนี่’ เป็นเจ้าของร้านคาเฟ่ไร้นาม หากแต่ความเป็นมืออาชีพนั้นมีอยู่จริงไม่ใช่แค่ ‘ทำตัว’

ขนมและเครื่องดื่มที่สั่งเอาไว้ล่วงหน้าถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อยและพอดิบพอดีกับเวลาที่ราฟรอยก์มาถึง