เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะเดินไปนั่งด้วยกันตามคำชวน ไหนๆแล้ว เวลานี้ลูกค้ายังไม่เข้าร้าน เลยมีเวลาว่างอยู่บ้าง
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะเดินไปนั่งด้วยกันตามคำชวน ไหนๆแล้ว เวลานี้ลูกค้ายังไม่เข้าร้าน เลยมีเวลาว่างอยู่บ้าง
“อืม..” ขานรับ กลายๆว่าเขารู้ และรับทราบชื่อคุณแล้ว
“ยินดีที่ได้รู้จัก” สิ้นประโยค ก็ไม่รู้ว่าจะต่ออย่างไรต่อดี
“อืม..” ขานรับ กลายๆว่าเขารู้ และรับทราบชื่อคุณแล้ว
“ยินดีที่ได้รู้จัก” สิ้นประโยค ก็ไม่รู้ว่าจะต่ออย่างไรต่อดี
“อือ”
“ต้องพักผ่อน…” น้ำเสียงแผ่วเบา พร้อมทอดสายตามองไปนอกทะเล
“อือ”
“ต้องพักผ่อน…” น้ำเสียงแผ่วเบา พร้อมทอดสายตามองไปนอกทะเล
พอคุณเลือกได้ ก็เตรียมถาด คีบขนมพร้อมเตรียมนมมาให้
ก่อนจะเดินไปเสริฟ์ที่โต๊ะไว้
พอคุณเลือกได้ ก็เตรียมถาด คีบขนมพร้อมเตรียมนมมาให้
ก่อนจะเดินไปเสริฟ์ที่โต๊ะไว้
เห็นคุณพับคืน ว่าจะเอ่ยไม่ต้อง กระทั่งคุณเรียกชื่อเขา ก็แอบสะดุดไป
“…อืม” ไม่ได้ว่า แต่หน้าตาเขานี่ขมวดคิ้ว
“แล้ว..ชื่ออะไร” ประโยคห้วนถูกเอ่ยมาอีกครั้ง
เห็นคุณพับคืน ว่าจะเอ่ยไม่ต้อง กระทั่งคุณเรียกชื่อเขา ก็แอบสะดุดไป
“…อืม” ไม่ได้ว่า แต่หน้าตาเขานี่ขมวดคิ้ว
“แล้ว..ชื่ออะไร” ประโยคห้วนถูกเอ่ยมาอีกครั้ง
ปักชื่อชิโระตรงมุมผ้า
“ใช้ได้ไหม” ถามก่อน
ปักชื่อชิโระตรงมุมผ้า
“ใช้ได้ไหม” ถามก่อน
เดินไปเค้าท์เตอร์ พร้อมใส่ชุดผ้ากันเปื้อนสีขาวไว้ เป็นสัญญาณว่าเขาเข้างานแล้ว
“อืม ตามที่เห็น” ในตู้จะมีขนมเค้กหลากรส มีหลายอย่าง รวมถึงคุกกี้อีกหลายรส ล้วนแต่เป็นฝีมือคุณยายคุณย่าทั้งสิ้น
เพราะเขาแนะนำไม่เก่งเท่าไหร่เลย
เดินไปเค้าท์เตอร์ พร้อมใส่ชุดผ้ากันเปื้อนสีขาวไว้ เป็นสัญญาณว่าเขาเข้างานแล้ว
“อืม ตามที่เห็น” ในตู้จะมีขนมเค้กหลากรส มีหลายอย่าง รวมถึงคุกกี้อีกหลายรส ล้วนแต่เป็นฝีมือคุณยายคุณย่าทั้งสิ้น
เพราะเขาแนะนำไม่เก่งเท่าไหร่เลย
“อืม บอกไว้ก็ดี” กลัวว่าทางบ้านคุณจะตามหาคนหายเอา
ใช้เวลาแทบจะเกือบชั่วโมง เพราะฮิซากาวะเดินค่อนข้างช้า เน้นสโลวเดินเรื่อยๆ จนถึงร้านขนมคุณยายคุณย่า
“อืม บอกไว้ก็ดี” กลัวว่าทางบ้านคุณจะตามหาคนหายเอา
ใช้เวลาแทบจะเกือบชั่วโมง เพราะฮิซากาวะเดินค่อนข้างช้า เน้นสโลวเดินเรื่อยๆ จนถึงร้านขนมคุณยายคุณย่า
“อืม มาดูอะไรไปเรื่อย” ส่วนคุณเอง เขาคงไม่ต้องถาม เดาว่าคงพาสุนัขนี่มาเดินเล่น
“หาเรื่องโดนงาน”
“อืม มาดูอะไรไปเรื่อย” ส่วนคุณเอง เขาคงไม่ต้องถาม เดาว่าคงพาสุนัขนี่มาเดินเล่น
“หาเรื่องโดนงาน”
คราวหยิบปลาหมึกมาให้ เกรงว่าปฏิเสธคงจะไม่ได้ เพราะสายตาคุณดูจะคาดหวังนัก จึงรับมา
แล้วฟังคุณพูดไปเรื่อย แบบมีเอนเนอจี้ ที่ตัดกันกับเขานัก
“ยังไม่ได้พูดเลยว่าเบื่อ“ เขาตอบคุณไป ก่อนจะเริ่มกินปลาหมึกย่างนั่น ”แล้วไม่บอกที่บ้านไว้ก่อนเหรอ”
คราวหยิบปลาหมึกมาให้ เกรงว่าปฏิเสธคงจะไม่ได้ เพราะสายตาคุณดูจะคาดหวังนัก จึงรับมา
แล้วฟังคุณพูดไปเรื่อย แบบมีเอนเนอจี้ ที่ตัดกันกับเขานัก
“ยังไม่ได้พูดเลยว่าเบื่อ“ เขาตอบคุณไป ก่อนจะเริ่มกินปลาหมึกย่างนั่น ”แล้วไม่บอกที่บ้านไว้ก่อนเหรอ”
ตัวละครที่ว่าก็หน้าตาเหมือนเช่นกัน
“อืม”
“น่ารักดี”
ลูบเสร็จ ก็ปล่อยมือ พร้อมยืนขึ้นตามปกติ
ตัวละครที่ว่าก็หน้าตาเหมือนเช่นกัน
“อืม”
“น่ารักดี”
ลูบเสร็จ ก็ปล่อยมือ พร้อมยืนขึ้นตามปกติ
“โชคดีตรงไหนกัน“ เขาเอ่ย มันก็ถือว่าตลกดี ส่วนเท้าก็ค่อยๆเดินไปตามถนน
“กินอะไรมารึยัง” ซ้ำยังถามกลับบ้าง ด้วยน้ำเสียงห้วนตามประสา
“โชคดีตรงไหนกัน“ เขาเอ่ย มันก็ถือว่าตลกดี ส่วนเท้าก็ค่อยๆเดินไปตามถนน
“กินอะไรมารึยัง” ซ้ำยังถามกลับบ้าง ด้วยน้ำเสียงห้วนตามประสา
“อืม” เขาตอบรับ แต่ก็ยืนรอ
รอคุณไปก่อน
“อืม” เขาตอบรับ แต่ก็ยืนรอ
รอคุณไปก่อน
โค้งหัวให้คุณเบาๆ “อืม” ขานรับไป
“คราวหน้าขอให้ไม่ติดอีก” กลายว่าเป็นคำอวยพรเสียแล้ว
โค้งหัวให้คุณเบาๆ “อืม” ขานรับไป
“คราวหน้าขอให้ไม่ติดอีก” กลายว่าเป็นคำอวยพรเสียแล้ว
“งั้นวันนี้จะทำไข่ม้วนด้วย“
”แบบนั้นดีไหม” เขากระตุกเสื้อน้องเบาๆ
“งั้นวันนี้จะทำไข่ม้วนด้วย“
”แบบนั้นดีไหม” เขากระตุกเสื้อน้องเบาๆ
มือเขาจึงเข้าไปลูบหัวของมัน ขนนุ่มฟูที่ชอบ
“ปอนปอน..” เขาพึมพำชื่อของสุนัขตรงหน้า “ทำไมถึงชื่อนี้ล่ะ”
มือเขาจึงเข้าไปลูบหัวของมัน ขนนุ่มฟูที่ชอบ
“ปอนปอน..” เขาพึมพำชื่อของสุนัขตรงหน้า “ทำไมถึงชื่อนี้ล่ะ”
เขาลุกเต็มสูง ก่อนจะค่อยๆเดินออกตาม รองเท้าเปรอะทรายเต็มไปหมด
“งั้นเดินไป” เป็นคำพูดที่เหมือนสั่ง
แต่จริงๆ เขากำลังชวนเดินอยู่
เขาลุกเต็มสูง ก่อนจะค่อยๆเดินออกตาม รองเท้าเปรอะทรายเต็มไปหมด
“งั้นเดินไป” เป็นคำพูดที่เหมือนสั่ง
แต่จริงๆ เขากำลังชวนเดินอยู่
“ไม่เบื่อบ้างเหรอ”
“เมนูเดิมๆ” มีการถามคุณไว้
“ไม่เบื่อบ้างเหรอ”
“เมนูเดิมๆ” มีการถามคุณไว้
เหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญ ที่เขาอยู่แถวนั้น
เสียงเรียกของคุณทักขึ้น จึงหันมองหา ก่อนจะเอ่ยอะไรเขาก็สำรวจมองหน้าตาคนแปลกหน้าคนนี้เสียก่อน
“มีอะไร” พร้อมถามกลับไป รูปประโยคห้วนนัก แต่น้ำเสียงนี่เบาแผ่วเชียว
เหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญ ที่เขาอยู่แถวนั้น
เสียงเรียกของคุณทักขึ้น จึงหันมองหา ก่อนจะเอ่ยอะไรเขาก็สำรวจมองหน้าตาคนแปลกหน้าคนนี้เสียก่อน
“มีอะไร” พร้อมถามกลับไป รูปประโยคห้วนนัก แต่น้ำเสียงนี่เบาแผ่วเชียว
“อืม” เป็นอันว่าตกลงแล้ว เขาจับเสื้อคนน้องเบาๆ
“แล้วพรุ่งนี้เช้า”
“อยากกินอะไร”
“อืม” เป็นอันว่าตกลงแล้ว เขาจับเสื้อคนน้องเบาๆ
“แล้วพรุ่งนี้เช้า”
“อยากกินอะไร”
คราวนี้กระป๋องน้ำตกลงมาแล้ว กลายเป็นว่าจะได้ไม่ต้องไปหาตู้อื่น
เขามองหน้าคุณ “หยิบก่อนเลย”
คราวนี้กระป๋องน้ำตกลงมาแล้ว กลายเป็นว่าจะได้ไม่ต้องไปหาตู้อื่น
เขามองหน้าคุณ “หยิบก่อนเลย”
“อืม ว่าจะไปหาตู้อื่นแล้ว” ปากว่าพร้อมมองหาตู้ละแวกใกล้เคียง
เผื่อว่าจะได้ชวนกันไป
“อืม ว่าจะไปหาตู้อื่นแล้ว” ปากว่าพร้อมมองหาตู้ละแวกใกล้เคียง
เผื่อว่าจะได้ชวนกันไป
“ไม่ได้รบกวน” เขาเอ่ยตอบ
“ขอจับได้ไหม”
“ไม่ได้รบกวน” เขาเอ่ยตอบ
“ขอจับได้ไหม”