ทำไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ หาลู่ทาง คบเพื่อนดี ๆ ลู่ทางดี ๆ มักมาจากเพื่อนที่ดี ๆ 👍👍👍

ก็ยิ่งต้องถอนเครียดจากการไถฟีดต่อ ๆ ไป ไม่หยุด ไอ้เหี้ยมาร์คยิ่งเก็บยอดโฆษณาได้ไม่รู้จบ

เบื้องต้น เราขอให้ทุกคนช่วยกันเลิกติดตามและกดรายงานเพจอาชญากรออนไลน์พวกนี้ ทั้งเพจหลวงพี่จัสตินฯ และเพจ "ทนายธาตรีฯ เฟสจริง"

🙏🙏🙏

(มีต่อ 10 /จบ)
(มีต่อ 6 หาย เพราะข้ามเลข)

ระบบแบบนี้เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกพวกไซโคพาธที่พ่อแม่เลี้ยงให้โตมาแบบผิด ๆ ได้ใช้บริหารพรสวรรค์ความเลว และสนองความใคร่ในทางป่วยจิต คนรับจบคือสังคมที่ต้องจ่ายด้วยสุขภาพจิตและบรรทัดฐานของความสันติสุขที่มันต่ำเตี้ยลงเรื่อย ๆ ส่วนไอ้เหี้ย Mark Zuck ก็คือนับเงินฉ่ำ คนยิ่งดราม่า ยิ่งเกาะบนเฟสนาน ยิ่งโพสเยอะ คอนเท้นฟูเป็นฟองสบู่ คนยิ่งเครียด

(มีต่อ 9)

ทั้งที่คนอย่าตาพี่ดิวไม่เคยทำอะไรให้ไอ้เพจทนายธาตรีและไอ้เพจจัสตินเลย (แค่หมั่นใส้ที่เขาเกิดมารวยกว่ามึง?) เป็น unfair game ที่ปรกติเปิดเผยตัวตนมีแต่เสียกับเสีย คนปกปิดตัวตนไม่มีต้นทุนทางสังคมอะไรที่ต้องแลก มีแต่ได้กับได้
(มีต่อ 8)

เราก็ต้องยอมรับกันแล้วแหละ ว่าระบบโซเชียลมีเดียของไอ้เหี้ย Mark Cockzuckerberg มันอนุญาตให้พวกภัยสังคมที่อาศัยอยู่ปะปนกับพวกเรา สวมอวตาร Anonymous ไล่ harrass เชือดเฉือนคนบริสุทธิ์ที่เขาเป็น user ปรกติ ยืนยันตัวตนได้ แต่การเป็นคนดี คนที่เปิดเผยตัวเองกลับเป็นช่องโหว่ให้โดนขุดคุ้ยประวัติเพื่อกลั่นแกล้ง

(มีต่อ 7)

สิ่งที่เรารับไม่ได้สุด ๆ คือเมื่อวานมีท่อนนึงในโพสของเพจทนายธาตรีเขียนว่า "ลูกสาวพี่ดิวก็โตจนถึงวัยที่รับแรงกระแทกได้แล้ว...." มันคือคำพูดสองแง่สองง่ามที่คุกคามผู้เยาว์อย่างไม่ต้องสงสัย เป็นอีกเรื่องที่ล้ำเส้นยิ่งกว่าล้ำเส้นจนเกินให้อภัย

(มีต่อ 5)

ซึ่งตาพรี่ดิวก็ออกมายืนยันว่าทุกวันนี้อดีตสามีภรรยาเขาก็ไปมาหาสู่กันบ้าง ทั้ง 2 ช่วยกันเลี้ยงลูกสาว 2 คนจนเติบใหญ่เป็นวัยรุ่นแล้ว มีชีวิตที่ดี
(นึกถึงเคสที่สลิ่ม-แบกเพื่อไทยรุมล้อ "พิธาตีเมีย" เลย พวกมารสังคมนี่มันมีปมด้อยเรื่องพ่อแม่เหมือนกันเปี๊ยบ)

(มีต่อ 4)

ภาพที่โพสนี้จากเพจ "หลวงพี่จัสตินฯ" มันมีกระแสที่เพจดังสายบุลลี่คนหลายเพจวนเวียนกันแซะตาพรี่ดิว วีรวัฒน์ เป็นปรากฏการณ์ spin off ต่อเนื่องจาก กรณีที่เพจ "ทนายธาตรีฯ เฟซจริง" (แต่คนทำเพจไม่ใช่ทนายธาตรี) โจมตีตาพี่ดิว ลามปามถึงลูกถึงเมียเขา ขุดคุ้นข่าวเก่าเรื่องที่เขาเคยทะเลาะภรรยาจนขึ้นโรงพักข้อหาทำร้ายร่างกายจนเป็นข่าว
(มีต่อ 3)

(ยกเว้นสมมุติว่าเป็นเคสใหญ่ เช่นมีคนโพสด่าเจ้า DSI จะมีวิธีสืบเอง โดยติดตาม routine การ log-in แต่ใช้ระยะเวลาและทรัพยากรบุคคลเยอะมาก ใครที่คิดจะสมัครแอคอวตารไว้โพสด่าเจ้า อย่าหาทำ ☹️)
(มีต่อ 2)

เราว่าเราต้องหาจุดสมดุลย์ที่ทำให้ efficiency สูงสุดของเราไห้เจอ เด็กไม่เก่ง ก็จะมีปัจจัยของสารสื่อประสาทแบบเด็กไม่เก่ง ถ้าอยากจะฝึกตัวเองแบบเด็กเก่งก็ลองดูได้ แต่ถ้าไม่ไหว รู้สึกเป็นทุกข์ อ่านไปก็รู้สึกฝืน ไม่เข้าหัวสักที ทำในแบบที่เรารู้สึกว่ามันได้ผลกว่าไม่ดีกว่าหรือ?

(ต่อ :4 จบ)

ทฤษฎีของเราคือ มันแล้วแต่คนแหละ เราเห็นด้วยว่าการฟังเพลงมันเป็นการรบกวนสมาธิจริง แต่ในที่ ๆ มีมลพิษทางเสียง การฟังเพลงก็ช่วยการจดจ่อได้ อีแง่คือมันช่วยยกระดับโดปามีนให้เด็กที่ไม่เก่งอย่างเราให้อ่านหนังสือได้มีความสุขตลอดรอดฝั่ง

(ต่อ :3)

เราจะบอกว่าเราสอบ เอ็นท์ เราได้คะแนนสูงอันดับ 1 ของห้อง ถึงมันจะโคตรห่างชั้นกับพวกเข้า จุฬา-ธรรมศาสก็เถอะ มันทำเราได้เข้าเรียนในคณะอันดับ 1 ที่ฝันไว้ ที่ทำได้เพราะฟังเพลงวง Blink-182 อัลบั้ม Cheshire Cat เปิดวนไปยาว ๆ เลย (ในยุคที่เป็นซาวอะเบาท์เล่นเทปคาสเซ็ทแบบใส่ถ่าน ต้องคอยสลับหน้า A-B 😅) นับเป็นหนึ่งในความสำเร็จสูงสุดของชีวิต

(ต่อ : 2)

ต่อไปนี้ใครมาเที่ยวทำ gaslight "ปฏิรูปราชการ = พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน" ขอตบปาก