เป้นงานที่เหนื่อยมากเพราะต้องดีไซน์ model ออกมาเองแต่แรก แต่ชั้นเป้นกากอ่ะ คิดอะไรดีๆขนาดนั้นไม่ได้หรอก แค่อาจารย์ approve ว่าน่าสนใจดีครับก้โอเคแล้ว 5555555555 แต่เหนื่อยสุดก้คงตอนทำผังนี่แหละ โชคดีที่รุ้จักคนเรียน digital engineering เลยให้เขาช่วยตบๆไดอาแกรมอีกแรง (จจเขาช่วยเยอะมาก TT)

สรุปงานจบที่ 17 หน้า พิมพ์จนหมดแรง

i got the swag, and it’s pumping out my ovaries 👁️👁️

ซึ่งมันแบบ เจ๋งดีอ่ะ เป็นปีที่เก็บ side quests เพิ่ม exp เยอะดี ถึง process ตอนทำจะอิลุงตุงนังไม่ไหวก็เถอะ ขนาดขออนุญาตใช้ห้องคอมยังได้ผิดห้องเลย จะบ้าตาย 😭

ละตอนพรี อาจารย์แบ่งเป้นกรุ๊ปๆให้พรีให้ทีละกรุ๊ปฟัง สรุปต้องพรีไป 5 รอบ ละยืนฟังอีก 5 กลุ่ม ขาเกือบแตกอ่า แต่เออก้ สนุกดีนะ

ใดๆภาษาที่มีวรรณยุกต์ส่วนใหญ่จะ carry ความหมายด้วย เช่น ไข่ ก็ความหมายนึง ไข้ ก็อีกความหมายนึง เป็นต้น เลยจำเป็นต้องออกแบบเสียงที่อยู่นอกเหนือกฏการใช้ภาษาไทย ก็คือ pseudo tone สร้างเสียงปลอมๆขึ้นมาทดลองด้วย

สรุปผลลัพธ์ที่ได้คือสมองซีกขวาคนเราจะตอบสนองต่อวรรณยุกต์ในภาษาที่ตัวเองเป็น native ได้ดีกว่าเสียงปลอมๆง่ะ ละของคนจีนก็จะตอบสนองต่อวรรณยุกต์จีนได้ดีกว่า

แล้วก้ friendly reminder ว่าอันนี้เป้นโปรเจคของนักศึกษาปี 3 เฉยๆนะคับ อย่า take it seriously มาก5555555

การศึกษาจะใช้วิธีการเก็บข้อมูลจากการทดลอง dichotic listening test หรือการฟังเสียงที่ต่างกันพร้อมกัน เช่น หูข้างซ้าย ‘ขา‘ หูข้างขวา ‘ข่า’ จะให้ฟังพร้อมกันแล้วถามว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงไหน ซึ่งได้ควบคุม factors ต่างๆโดยเฉพาะความยาวของสระ & พยัญชนะ

หล่อจิงคับ อยากลุบมาก 👀

ละคนอะไรสามารถยืนพุดได้ตั้ง 4 ชั่วโมงวะ extrovert final boss