wild berry tea ☕️
@wildberrytea.bsky.social
200 followers 50 following 190 posts
wild berry tea🪶 | #ดาร์ลิงของกริฟฟิน CR ✒️: #แดงน้อยของโรแวน | Review: #BerryRead
Posts Media Videos Starter Packs
Reposted by wild berry tea ☕️
These Scientists Say They’ve Identified the Oldest Known Star Chart in the World

By Sonja Anderson

www.smithsonianmag.com/smart-news/t...

Astronomy-History at PG:
www.gutenberg.org/ebooks/subje...

#history #astronomy
คุณปู่ตอนวัยรุ่นนี่คือทำสาวกรี๊ดทั่วทั้งบางได้เลยนะ 😔
แต่ส่วนตัวคิดว่าช่วงท้ายมันไม่เคลียร์หลายอย่าง น่าจะเป็นจุดด้อยของเรื่องเลย คือมันยังมีคำถามค้างไว้มากมายว่าคนพวกนี้เป็นใคร พฤติกรรมเหล่านี้คืออะไร สัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อนบ้าน ฯลฯ จากตอนแรกสนุกสุดตึงตอนท้ายกลับแอบเสียดายอยู่เยอะ แต่ก็แนะนำให้อ่านนะ มันก็สนุกดีแม้จะหงุดหงิดนิดก็เถอะ
อ่านเอาสนุกก็ได้อยู่เพราะมันสนุกจริงๆ โดยเฉพาะใครที่ชอบคอนเซ็ปต์บ้านเก่าในที่ห่างไกล ติดป่า มีห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน และกลุ่มคนแปลกหน้าที่เข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ผสานความไซโคเข้าไปนิดๆ อะไรแบบนี้น่าจะชอบเป็นพิเศษ
ไทม์ไลน์มันเป็นแค่ช่วงเวลา 2-3 วันเท่านั้น เล่าเรื่องประหลาดที่ Eve ได้เจอในบ้าน การที่ตัวเองเริ่มแยะไม่ออกว่าสิ่งตรงหน้าคือเรื่องจริงหรือแค่ภาพประหลาดที่ถูกยัดใส่สมอง คนตรงหน้าคือคนที่ตัวเองรู้จักหรือแค่ตัวอะไรสักอย่างที่เข้ามาสวมรอย กลายเป็นอาการหวาดระแวงที่ทำคนอ่านสับสนไปด้วย
Eve เองเดิมทีมีอาการ paranoia อยู่แล้ว ในหัวมักจะมีเสียงของตุ๊กตาตัวโปรดแทรกเข้ามาพูดเรื่องร้ายๆ ตลอด และพฤติกรรมของคนบ้านนี้ก็ประหลาด รวมถึงได้เห็นว่าบ้านหลังนี้มีอะไรพิลึกแฝงอยู่ เหมือนบ้านมีชีวิตและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนทำให้ Eve เริ่มสติแตกขึ้นทุกขณะ
แล้วตอนที่คนพวกนี้ควรออกไปลูกสาวดันไปซ่อนตัวในบ้าน หาไม่เจอ จน Charlie แฟนของ Eve กลับมาก็เสนอให้พวกเขาอยู่กินมื้อค่ำกันก่อน (Eve อยากไล่พวกเขาไปใจจะขาด) ความไกลปืนเที่ยงแถมหิมะตกหนัก สุดท้ายคนแปลกหน้า 5 คนจึงพักที่บ้านหลังนี้ก่อนตามมาด้วยเรื่องประหลาดมากมาย
คนพ่อที่บอกว่าเคยอยู่ที่นี่ก็พาลูก 3 คนของตัวเองเดินดูบ้าน ตรงนั้นเคยเป็นแบบนั้น ตรงนี้เป็นแบบนี้ Eve ก็ตามไปด้วยเรื่อยๆ ยังระแวงและระวังอยู่ก่อนพบว่าพฤติกรรมพ่อมันแปลกๆ แม่ก็ดูคลั่งศาสนา ส่วนลูกชายสองคนชอบทะเลาะกัน ลูกสาวช่างคุยแต่เป็นเด็กเปรตที่ชอบไปเล่นซ่อนหาคนเดียว
เรื่องนี้เป็น Horror-Mystery ที่ดังพอตัวเลย อ่านเองแล้วก็รู้สึกว่าสนุกดีสมกับที่เขาลือกัน Eve อยู่บ้านคนเดียวตอนแฟนออกไปข้างนอกแล้วเจอครอบครัวแปลกหน้ามาเคาะประตูขอเข้าไปดูในบ้านสักหน่อย ด้วยความลำบากใจอะไรต่างๆ ก็ไม่อยากหรอก แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนให้พวกเขาเข้ามาในบ้านได้ในท้ายที่สุด
#WeUsedToLiveHere

Once they’re in, they never leave

คู่รักเลสที่เพิ่งซื้อบ้านเก่าและย้ายเข้ามาไม่นานได้เจอครอบครัวพ่อแม่ลูก 5 คนปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้าน ผู้เป็นพ่ออ้างว่าเขาอาศัยอยู่ในบ้านนี้เมื่อครั้งยังเด็ก จะว่าอะไรมั้ยหากเขาขอพาลูกๆ เดินดูสัก 15 นาที จากนั้นทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม

#BerryRead
นี่คือต้นเดียวกันนะแต่ดอกตูมโผล่มาเยอะมาก อยากเห็นตอนที่บานเต็มต้นเร็วๆ ✨
Reposted by wild berry tea ☕️
ดิฉัน ตอนยัดเยียดคู่ชิปนี้ให้ชาวอนุรักษ์นิยม---
ทุกคนดูนี่ หนาวมากเลยต้องเบียดกัน 🥹
สปอยล์
.
.
.
แต่ก็ชอบตอนเนอจาอยู่กับรินมากกว่าตอนรินอยู่กับทัลลัน แม้ดูเหมือนรินจะชอบทัลลันก็เถอะ แต่แบบ เออ ทัลลันเหมาะกับพ่อหนุ่มหัวขาวชากานคนนั้นมากกว่า เห็นฝรั่งบอกคือโกะโจเกะโทอะไรประมาณนั้น ก้อเรย 👉👈😂

(จบเธรด)
อันนี้ติดสปอยล์นิดนึง
.
.
.
กลายเป็นว่าตลคที่ชอบคือเนอจา ตอนแรกไม่ชอบเพราะแนวเด็กขี้บุลลี แต่ไปๆ มาๆ เคมีนางตอนอยู่กับรินก็เข้าท่าดีนะ ให้อารมณ์แบบเดรโกเฮอร์ไมโอนี แล้วตอนหลังนางก็ขอโทษอย่างจริงใจและไม่ได้ทำนิสัยอย่างนั้นแล้ว เห็นว่ามี novella มุมมองของนางด้วย ซึ่งกลัวนางตุยมาก🥲
ให้พูดความรู้สึกคือผิดหวังจากที่คาดหวังนิดหน่อย แต่พอมองว่าเป็นงาน debut ก็เข้าใจได้แหละ อีกอย่างคือค่อนข้างไม่ชอบการต้องเมายาเพื่อเจอเทพอ่ะ ผิดปะ แต่รู้สึกประหลาด 😅 แล้วก็ไม่ค่อยชอบแนวความคิดบางอย่างของตัวเอก เข้าใจว่าสงครามส่งผลกระทบกับจิตใจคนได้ง่าย แต่ก็นะ...
เรื่องการแปลโดยรวมก็อ่านได้เรื่อยๆ ดี แต่มันก็มีบางประโยคที่แปลแล้วต้องอ่านซ้ำหลายรอบเพราะไม่เข้าใจ ซึงไม่แน่ใจว่าเพราะการแปลหรือเพราะมันเป็นสไตล์การเขียนของนักเขียน นี่ไม่มีต้นฉบับอยู่กับตัวเลยเทียบไม่ได้ กับพวกเขียนชื่อตลคผิดอะไรงี้ยังมีให้เห็นประปรายแต่รวมๆ ก็ไม่ได้แย่อะไร
เลยติดๆ นิดหน่อย เพราะคนเขียนไม่ได้โควทว่าอิงจากใครอะไรยังไง เพราะในเรื่องก็อิงทฤษฎีขงจื๊อเม่งจื๊ออะไรพวกนี้ทั้งเรื่อง ก็พูดชื่อออกมาได้หมดแต่ทำไมไม่พูดออกมาว่าคือวิธีขงเบ้งแต่ดันให้ตลคพูดมาเหมือนคิดได้เองและอาจารย์ก็บอกว่าดีอะไรงี้ งงมาก 5555
ที่ติดหน่อยคือในเรื่องมีพาร์ทที่อาจารย์สอนการวางกลยุทธ์ถามวิธีแก้ปัญหาแล้วมีตลคแนะนำอุบายขึ้นมาซึ่งนี่เคยอ่านสามก๊ก แวบเดียวก็รู้แล้วว่าเอาอุบายยืมเกาทัณฑ์ของขงเบ้งมาเขียนให้ตลคพูดเหมือนความคิดตัวเอง กับฉากอุ้มหมูขึ้นเขาไปกินน้ำนี่ก็เคยอ่านจากไหนสักที่แต่ดันจำไม่ได้ว่าอ่านจากไหน
ตัวละคร morally grey ไม่ได้รู้สึกเชียร์เป็นพิเศษและก็แอบมีความน่ารำคาญในความอยากเอาชนะ หัวรั้น ดื้อดึง บางการกระทำก็ทำให้เราไม่พอใจ (มากๆ) ไม่ใช่เฉพาะตัวเอกแต่กับอีกหลายๆ ตัวด้วย แต่ก็โชว์ความเป็นมนุษย์ดี ว่าเออก็แค้นเป็น ขี้ขลาดเป็น ตัวสั่นหวั่นกลัวเป็น และโง่เป็นนะเออ
ซึ่งมันก็จะโยงไปถึงพาร์ทสงครามเพราะอ่านเจอมาว่าคนเขียนเบสจากสงครามนานกิง ถ้าใครเคยอ่านหลั่งเลือดที่นานกิงก็จะเจออะไรแนวๆ นั้นในพาร์ทสงครามของนิยายเล่มนี้แหละ ซึ่งตกใจมากที่สนพไม่เขียน tw ไว้ ลองเช็คแล้วทั้งเล่มไม่มี อันที่จริงมันต้องแจ้งแล้วว่า massacre/rape/gore/tortured ไรงี้😨
อีกเรื่องคือมันเป็นนิยายที่มีเบสประวัติศาสตร์จีนเป็นฐาน แล้วใส่ความตะวันตกเข้าไปนิดๆ หน่อยๆ เอามาเขียนแบบนี้ก็เหมือนเกี๊ยวรสชีส บางคนอ่านแล้วหงุดหงิดก็มีเหมือนกันเพราะมันจะจีนก็ไม่จีน แล้วไม่รู้คิดไปเองมั้ยแต่ฝั่งตัวร้ายมีชื่อแบบญี่ปุ่น (สหพันธรัฐมุเก็น, ชิโระ แพทย์คลั่งวิจัย)
ที่บอกว่าอาจไม่เหมาะกับทุกคนก็เพราะแบบนี้ ระบบพลังแบบนี้มันดูเป็นนามธรรมและมันน่าหยิบมาถกกันว่าแท้ที่จริงมันคือการสื่อสารพระเจ้าได้หรือแค่การเมายาเท่านั้น การอธิบาย world building ก็ยาวยืดเหมือนนั่งฟังเลคเชอร์วิชาปรัชญา คนชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็จะเบื่อเลย (แต่นี่ชอบนะ 5555)
และวิธีนี้ไม่ใช่ว่าคิดจะทำก็ทำได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะมีคนมากมายที่เจอปัญหา เป็นบ้า ติดอยู่ระหว่างโลกฝั่งนี้และฝั่งนั้น ไม่ก็พ่ายแพ้ให้กับเทพเจ้าจนถูกชิงร่างและลงเอยด้วยการถูกลากไปขังไว้ในภูเขา นับเป็นตัวอันตรายที่หากปล่อยออกมาก็สามารถทำลายล้างประเทศได้เลย