KAKIHARA YAE
banner
kmiyae.bsky.social
KAKIHARA YAE
@kmiyae.bsky.social
560 followers 680 following 570 posts
คาคิฮาระ ยาเอะ | 27 | 183/65 | ผู้ดูแลหอพักหญิงประจำโรงเรียน | รูทลอยบวกได้ทุกอัน doc : https://citly.me/Em6zD
Posts Media Videos Starter Packs
Pinned
#KMI_commu #KMI_coop
柿原 八重 | คาคิฮาระ ยาเอะ
🌿27
🌿183/70
🌿ผู้ดูแลหอพักหญิงประจำโรงเรียน
🌿doc : citly.me/Em6zD
-------------------
(เปิดโรล,โค,คุยสตอรี่ โปรดDM 📩 )
อันที่จริง,หล่อนโล่งใจที่เขาเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาจรดกันระดับหน้าท้อง

"ก็,ไหนๆคุณก็เคยแนะนำมานี่คะ" หันกลับไปมองเขา ปลายนิ้วที่จรดกันอยู่ขยับกระทบกันเป็นจังหวะ

"ถ้าคุณอยากไปน่ะนะ?"
มองตามปลายนิ้วก่อนกลับมายังท่าทีที่ดูไม่ได้ตั้งใจจะชี้ทาง หล่อนไม่ได้ขัดอะไรจนกระทั่งเขาเอ่ยอีกครั้ง

"อื้ม,นั่นสิคะ ก็เป็นไปได้ สุสานประจำเมืองก็เนื้อที่เท่านี้เอง" พยักหน้าช้าๆ

และเงียบอีก,ก่อนจะกล่าว

"เรียวกังบนเขา..." หล่อนเกริ่นอีกเรื่องเหมือนฉวยขึ้นมาจากอากาศ "ยังอยากไปอยู่ไหมคะ?"
หล่อนรับคำในลำคอ มองกองดอกไม้ที่มีทั้งเก่า-ใหม่ บ่งบอกความอาลัยที่มีต่อผู้ตาย ก้มลงหยิบแจกัน--หนึ่งในบรรดาดอกไม้ที่ล้มตะแคงกับพื้นให้ตั้งขึ้น

เงยหน้าจากพื้น ไล่สายตาผ่านป้ายหลุมศพที่อยู่ในละแวกใกล้ๆ "คุณพ่อเองก็อยู่ที่นี่เหรอคะ?"
"อยู่ที่นี่แหละค่ะ" เสียงเบาของหล่อนกลายเป็นระดับปกติเมื่ออยู่ในบรรยากาศสงัดเงียบของพื้นที่สุสาน "คาคิฮาระเป็นนามสกุลแม่น่ะค่ะ"

แม้กระทั่งเสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นก็ยังได้ยินชัดในสถาที่ไร้ชีวิต--เขาและหล่อนอาจเป็นเพียงคนคู่เดียวที่มาเยี่ยมเยียนสุสานในเวลานี้ "หลังจากจบเรื่องทั้งหมดนี่แล้ว,คุณคิดจะไปอยู่เมืองนอกไหมคะ?"
"ถ้าเราไม่อยากให้เป็นการพบพ่อแม่แค่ครั้งแรกและครั้งเดียวคงต้องเป็นแบบนั้นค่ะ" นึกย้อนไปถึงวันดูตัว หล่อนจดจำความยุ่งยากของการแต่งตัวและระคายดวงตาจากคอนแทคเลนส์ที่ไม่ได้ใส่เป็นประจำได้เป็นอย่างดี "อาจจะต่างกันนิดหน่อยตรงที่ฉันก็คงจะใส่แว่น"

ก้าวต่อก้าว--จากลานฌาปนกิจถึงสุสาน ฝีเท้าของหล่อนย่ำเป็นจังหวะเดียวกับเขาโดยอัตโนมัติ "คิดว่าคุณพ่อคุณแม่จะอยากเห็นลูกสะใภ้แบบไหนเหรอคะ?"
"....?" หล่อนเลิกคิ้ว "คุณพ่อคุณแม่นี่เอง..."

ก้าวตามไป แตะนิ้วลูบไปตามหลังใบหูเลยไปยังเส้นผมที่รวบไว้หลวมๆ เปรยด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง "ฉันต้องวางตัวให้สมกับเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยไหมคะ?"
ทั้งที่เพิ่งยืนเถียงกันเมื่อครู่,แต่พอโดนความเห็นตรงๆก็เกิดรับไม่ได้ขึ้นมา หล่อนขยับปากเต็มที่แต่ก็เปลี่ยนเป็นพึมพำแทน "--ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อยค่ะ..."

มองตามปลายนิ้วไปยังพื้นที่สงบเงียบอย่างที่เคยเป็นมาตลอด

"เอาสิคะ" หล่อนรับคำ "ตอนนี้? หรือรอให้งานศพผ่านไปก่อนดีล่ะ?"
"นึกว่าคุณจะลากฉันออกมาไม่ให้ต่อล้อต่อเถียงเสียอีก" หล่อนว่า,สัมผัสได้ถึงไอชื้นที่ไม่ใช่ของตนเคลือบบนฝ่ามือ หยิบทิชชู่เปียกให้ตนเองแผ่นหนึ่งแล้วส่งทั้งห่อให้อีกฝ่าย

"ว่าแต่,ก่อนหน้านั้นคุณจะพูดอะไรนะคะ?" พาย้อนกลับไปถึงบทสนทนาก่อนจะถูกขัดจังหวะ
เป็นเพียงดอกไม้ปักแจกันเปล่ากลวงที่เทินอยู่บนฐานคอเสื้อเท่านั้น

"ถ้าอย่างนั้น,ต้องขอตัวก่อนนะคะ" ค้อมศีรษะตามมารยาท มือข้างที่กุมกับไว้อยู่ก็ยังวางแนบข้างตัวอย่างนั้นโดยไม่เสียเวลาคลายมือออกเพื่อทำให้การคำนับดูนอบน้อมสมบูรณ์
หล่อนไม่ขัดบทสนทนาของพี่น้อง สายตามองตามกิ่งหลิวลู่ลมราวเสียงใบไม้ไหวนั้นเสนาะหูกว่าคำพูดของมนุษย์ตรงหน้า

"ไม้ใหญ่ไม่ล้มเพราะกิ่งปลายยอดที่แห้งตายหรือผลที่ต้นแม่สลัดทิ้งหรอกนะคะ" หล่อนเปรยไปกับลม--แล้วแต่คนจะใส่ใจ "อาจจะเป็นที่ราก"

ดึงสายตากลับมาท่หญิงสาวทั้งสองผู้ซึ่งหล่อนไม่ได้เห็นเป็นใบหน้าคนอีกต่อไป
ลู่คิ้วมองหญิงสาวสะสวยคนที่อยู่ใกล้ตนด้วยความเห็นใจอย่างที่สุด "คุณอาซาเลียเองก็...แม้จะไม่ใช่เด็กแล้วแต่ก็ยังเลือกไม่ได้ที่ต้องมาทำหน้าที่แสนลำบากใจแทนคุณพ่อที่ไม่ยอมออกปากไล่ด้วยตัวเองเลย,ใช่ไหมล่ะคะ"
ขยับมือบีบมือเขาตอบ แต่ไม่ได้คล้อยตามการชักนำ หล่อนนิ่งอยู่ที่เดิมเหมือนสิงโตหินผิดกับน้ำเสียงที่ยังโต้แย้งอย่างนิ่มนวลเหมือนเดิม

"ลูกๆเลือกพ่อแม่ไม่ได้นี่คะ..." หล่อนว่า "เลือกหน้าตาตอนเกิดก็ไม่ได้ เลือกญาติของครอบครัวที่ใจกว้างพอก็ไม่ได้เหมือนกัน"
"ไม่ว่าเขาจะโกหกเรื่องไหนบ้าง แต่ที่เขาเป็นลูกของผู้ตายก็เป็นเรื่องจริงนี่คะ" หล่อนแย้งด้วยเสียงเบาเหมือนทุกครั้ง--ที่ทำให้การโต้แย้งฟังดูเหมือนการเจรจาหรือประณีประนอม "แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่เขาจะมีสิทธิ์เข้างาน--ถ้าเขาต้องการ"

ละสายตาจากสองสาวกลับมาที่ยูริ "คุณอยากเข้าไปไหมคะ?"
"คาคิฮาระ ยาเอะค่ะ" แนะนำตัวเมื่อบทสนทนาไหลมายังตน แต่หล่อนก็ไม่ได้ปล่อยกระแสอ้อยอิ่งอยู่ที่ตน,ส่งกลับไปยังคู่สนทนาทั้งสอง

"ที่ว่าขอให้ออกไปหมายความว่ายังไงเหรอคะ?" สีหน้าหล่อยไม่ปิดบังความไม่เข้าใจ--ไม่ใช่ต่อความหมายของถ้อยคำ แต่ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด
เขาเผลอกำมือหล่อนแน่นตอนที่ถูกดึงเขาหาตัวจนก้าวย่างไม่มั่นคง แสงแดดอ่อนพลันครึ้มสลัว คลื่นน้ำรอบตัวกระเพื่อมแรงขึ้นอย่างไม่สัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว

เงยหน้าจากมือขึ้นไปที่รอยยิ้มของหญิงสาว,บรรยากาศขมุกขมัวยิ่งเสริมให้หล่อนดูเหมือนนางพรายมากกว่ามนุษย์มีเลือดเนื้อ "หวังว่าคุณจะว่ายน้ำเป็นนำครับ?"
เป็นภาพที่แปลกตาแต่ก็คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน คู่แฝดที่เหมือนกันทุกกระเบียดแม้กระทั่งอากัปกริยาเล็กๆราวใช้ลมหายใจเดียวกัน

หล่อนเพียงค้อมศีรษะน้อยๆเป็นการทักทายโดยไม่ได้แนะนำตัว เบี่ยงตัวถอยหลังไปก้าวหนึ่งให้เขาและครอบครัวสนทนา
เว้นช่วงเงียบหลังประโยคสุดท้ายที่ดูจะราบเรียบลงจากก่อนหน้านั้น

"ถ้างั้น..." เริ่มประโยคอย่างระมัดระวัง เคลื่อนสายตาจากซองงานศพขึ้นมาที่ใบหน้าอีกฝ่าย "คุณอยากให้ฉันเข้าไปเป็นเพื่อนไหมคะ?"
หลุบตามองพื้นครู่หนึ่งเพื่อเรียบเรียงคำพูด,ถ่ายทอดตรงไปตรงมาอย่างที่ใช้สื่อสารกับเขามนช่วงหลัง "ฉันมาเพื่อแสดงความเสียใจกับคุณ เพราะงั้น--ฉันคิดว่าฉันควรมาค่ะ ไม่จำเป็นต้องให้ฉันเข้าไปก็ได้หากต้องการให้เป็นงานของครอบครัว เพราะฉันมาเจอคุณเท่านั้นค่ะ"
"มองหาคุณนั้นแหละค่ะ" มองท่าทีรื่นเริงไม่เข้ากับงานพิธีและร่องรอยอิดโรยบนหน้า นึกสงสัยขึ้นมาครามครันว่าเขารู้สึกแบบนั้นจริงๆหรือเป็นเพียงความเคยชิน

ขยับปากเหมือนมีคำตอบแรก,ทว่าก็ชะงักไป นึกถึงคำกระซิบกระซาบที่ได้ยินในงาน "สำหรับคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวก็คงแปลกจริงๆสินะคะ"
เขาดูลังเล มือยกค้างอยู่บนอากาศครู่หนึ่งก่อนวางลงในมือหล่อน ปลายนิ้วเขาเย็น,แต่ไม่ใช่ด้วยอุณหภูมิของน้ำทะเล

ไม่มีคำตอบให้หล่อน เหมือนสมาธิทั้งหมดจะถูกใช้ไปกับดารสืบเท้าไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ภาวนาอย่างยิ่งยวดว่าก้าวถัดไประดับน้ำจะยังเท่าเดิม

[ทอยเหรียญเพื่อวัดดวง
หัว = น้ำตื้น
ก้อย = น้ำลึก]
สถานการณ์ดูเหมือนจุดเริ่มต้นของหนังสยองขวัญ--ตัวละครปริศนาที่เรียกใครก็ตามออกจากกลุ่ม และหล่อนก็คือ'ใครก็ตาม'ที่ว่านั่น แม้ตามท้องเรื่องแล้วคนที่ปลีกตัวออกไปก่อนจะกลายเป็นเหยื่อรายแรกก็ตาม

"ไม่เข้าไปเหรอคะ?" ถามด้วยเสียงเบาไม่ต่างกันเมื่อเข้าไปในระยะที่ได้ยินเสียง
เสียงกระซิบกระซาบในหมู่คนไม่คุ้นหน้าบอกเล่าความระหองระแหงระหว่างครอบครัวที่แม้กระทั่งคนนอกอย่างหล่อนยังรู้สึกกระอักกระอ่วน

หล่อนยืนอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตาห่างจากครอบครัวผู้ตายพอสมควร เหลือบมองไปยังทางเข้าบ่อยครั้งเพื่อมองหาฮาซามะ ยูริผู้เป็นลูกชาย--หรืออย่างน้อยก็คนคุ้นเคยสักคนในคุเมอิ

(ฉันมาสุ่มกาชาแล้วค่ะ)
เขาหัวเราะ สาดน้ำกลับไปอีกหลายทีจนกระทั่งรู้สึกได้ว่าระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาหยุดที่น้ำระดับเข่า มองหล่อนที่ลงไปลึกกว่านั้น

"ผมว่า,เราไม่ควรลงไปลึกกว่านั้นแล้วนะครับ"
มองระดับน้ำทะเลที่ขึ้นมาถึงเข่า เลยลงไปถึงชายกระโปรงที่กราวกับไร้น้ำหนัก เขาถอนหายใจเฮือกแล้วก้าวตามลงไป

"มันก็เปมือนสระน้ำที่คลื่นแรงและเค็มน่ะครับ" เมื่อนึกถึงความต่างก็จะนึกออกเท่านั้น "--และอันตรายกว่า"

ก้มลงสัมผัสคลื่นเอื่อยด้วยใ่ามือโดยที่ยังไม่หยุดเท้า เมื่อหล่อนเข้ามาในระยะก็วักน้ำทะเลเข้าใส่
"ไม่หรอกครับ,คราวนี้กะว่าจะสร้างความทรงจำในทางที่ดีกับคุณบ้าง" เขาว่าเย้า "ล้อเล่นน่ะครับ"

ปล่อยมือหล่อนช้าๆ เขายังอยู่ในชุดเดิม,มีแค่รองเท้าที่หายไป เขาก้มมองน้ำใสระข้อเท้า,ไม่ก้าวไปลึกกว่านั้นแม้จะดูไม่มีอะไรน่าอันตราย "คุณชอบเล่นน้ำทะเลไหม?"