ATP.Nestle
banner
atpdotnestle.bsky.social
ATP.Nestle
@atpdotnestle.bsky.social
60 followers 87 following 780 posts
สวัสดีครับ อยู่กับผม "เอทีพีดอทเนสท์เล่" ดูช่องทางอื่น ๆ : linktr.ee/atp_nestle
Posts Media Videos Starter Packs
Pinned
ทุกคนครับ คือคลิปเกม #Theotown ที่จะลงทุกวันจันทร์ของผมจากนี้จะมา ๆ หาย ๆ พอดีติดภารกิจหาเงินตัวเองอ่ะนะ วันไหนว่าง ๆ จะลงให้ดูละกันนะครับ
พนักงานปั๊ม ปตท. ตัวอำเภอผมงงว่าผมเอา wave 110i คันสีเทาดำโปรดผมเติม E20 เต็มถังรถจะไม่เป็นปัญหาอะไรเหรอ...
จริง ๆ ผมเติมบ่อยแล้วแหละฮะ เปิดโลกพนักงานด้วยเลยเพราะแถวที่ผมอยู่แทบไม่มีใครเติมใส่มอเตอร์ไซค์กับรถเลย
แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นทางหลวงสายเดียวกัน
Reposted by ATP.Nestle
ยืนยันไทยเดินหน้าจัดซีเกมส์ตามกำหนดเดิม แต่ปรับพิธีเปิด-ปิด
ยืนยันไทยเดินหน้าจัดซีเกมส์ตามกำหนดเดิม แต่ปรับพิธีเปิด-ปิด auser15 Sat, 2025-10-25 - 15:52 'อรรถกร ศิริลัทธยากร' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันไทยเดินหน้าจัดซีเกมส์ ตามกำหนดเดิม แต่ปรับพิธีเปิด–ปิดให้เหมาะสมกับช่วงไว้อาลัยสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง 25 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวไทย รายงานว่า นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังสำนักพระราชวังมีประกาศเรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของปวงชนชาวไทย และย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจของประชาชน รวมทั้งนักกีฬาไทยเป็นอย่างมาก “การจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ยังคงต้องดำเนินการต่อไปให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ทั้งนี้จากมติคณะรัฐมนตรีที่มีมติให้ลดและงดกิจกรรมรื่นเริงในช่วงนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะดำเนินการปรับรูปแบบพิธีเปิดและพิธีปิดการแข่งขัน ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น” นายอรรถกร กล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันกีฬาที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ เช่น ฟุตบอลไทยลีก ยืนยันว่า จะไม่มีการงดหรือเลื่อนการแข่งขันแต่อย่างใด แต่จะมีการปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมโดยเพิ่มกระบวนการร่วมแสดงความอาลัย และลดกิจกรรมหรือองค์ประกอบที่มีลักษณะบันเทิงลง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความเหมาะสมในช่วงเวลานี้ * ข่าว * สังคม * คุณภาพชีวิต * กีฬา * ซีเกมส์
dlvr.it
Reposted by ATP.Nestle
แถลงการณ์นายก สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต
แถลงการณ์นายก สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต auser15 Sat, 2025-10-25 - 16:19 แถลงการณ์นายกรัฐมนตรี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต 25 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต โดยมีใจความสำคัญ ว่าพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน วันที่ 24 ตุลาคม 2568 เป็นวันที่ปวงชนชาวไทยทุกคน ไม่ปรารถนาให้มาถึง เพราะเป็นวันที่สร้างความโทมนัสและความสูญเสีย มายังพสกนิกรชาวไทยทุกคนที่มีความเทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อสานักพระราชวังได้มีแถลงการณ์ว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จสวรรคต ด้วยพระอาการสงบ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา ในเวลานี้ มีแต่เสียงสะอื้นอาลัย ดังก้องอยู่ในหัวใจ ของปวงชนชาวไทยทั่วทั้งแผ่นดิน เมื่อทราบถึงการเสด็จสวรรคตของ พระองค์ท่าน พระผู้ทรงเป็นดั่ง “มารดาของแผ่นดิน” ที่ทรงทุ่มเท พระวรกาย และพระราชหฤทัย เพื่อปวงประชาโดยมิรู้เหน็ดเหนื่อย ดวงใจของพสกนิกร ถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความโศกเศร้า ความอาดูร ที่ไม่อาจหาคราใดมาทดแทนได้ เพราะพระองค์ท่านทรงเป็น ทั้งแรงบันดาลใจ ความรัก และความเมตตาอันเป็นนิรันดร์ การเสด็จ สวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราช ชนนีพันปีหลวง ถือได้ว่าเป็นการสูญเสีย “แม่ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย” ที่ประชาชนทุกคนต่างรัก และเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ทรงเป็นมิ่งขวัญ อันเป็นที่เทิดทูนสักการะ ของปวงชน ชาวไทย ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระปรีชา และพระวิริยะอุตสาหะ มาตลอดรัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โครงการในพระราชดาริ ของพระองค์ท่าน ทั้งด้านศิลปาชีพ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการสาธารณสุข ก่อให้เกิดประโยชน์สุข แก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถของราชอาณาจักร ไทยที่เป็นความภาคภูมิใจและเป็นที่ยอมรับในพระปรีชาสามารถจาก นานาอารยประเทศ ในการนี้ รัฐบาล จะดาเนินการจัดงานพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ และขอเชิญชวนประชาชนชาวไทย ร่วมใจแสดงความอาลัย และน้อม ราลึกจิตอันเป็นบุญกุศล ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมทั้ง ใช้พลัง ความรักความสามัคคี และความจงรักภักดีของพวกเราชาวไทย ถวายเป็น กำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ในห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้ โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ กระผมในนามรัฐบาล และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ขอน้อมสานึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อันหาที่สุดมิได้ และขอต้ังจิตอธิษฐาน ขอส่งเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ทรงสถิตสถาพรในทิพยวิมาน และขอให้ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าปกกระหม่อม ให้ราชอาณาจักรไทย และปวงชนชาวไทยผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน ให้มีความผาสุกร่มเย็น ภายใต้ร่มพระบารมีแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ดั่งที่เคยเป็นตลอดมา ขอถวายพระพรชัยมงคลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมราชจักรีวงศ์ ทุกพระองค์ ให้ทรงมีพระราชหฤทัยที่เข้มแข็ง เป็นมิ่งขวัญปกเกล้า ปกกระหม่อม คมุ้ ครองอาณาประชาราษฎร์แห่งราชอาณาจักรไทยชั่วกาลนาน * ข่าว * การเมือง * สังคม * คุณภาพชีวิต * พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
dlvr.it
วันนี้ไปขับรถ อิจฉาคนศีขรภูมิมากที่ทางหลวงหมายเลข 2371 พัฒนาดีเยี่ยมมาตลอด กลับมาที่ฝั่งศรีณรงค์กับสังขะคือถนนไม่สอดคล้องความเจริญของชุมชนเลย
เยือนถิ่นกาละแม
Reposted by ATP.Nestle
ประกาศสำนักพระราชวัง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต
.
#เดลินิวส์
Reposted by ATP.Nestle
มาตรฐานความงามผู้ชายเกาหลี จากหนวดเครากลายเป็น "หน้าเกลี้ยงเกลา"
มาตรฐานความงามผู้ชายเกาหลี จากหนวดเครากลายเป็น "หน้าเกลี้ยงเกลา" auser15 Sat, 2025-10-25 - 09:21 เมื่อการมีหน้าตาที่เกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครากลายเป็นมาตรฐานความงามของผู้ชายเกาหลีใต้ในยุคปัจจุบัน จนกระทั่งมันกลายเป็น "เกณฑ์ปฏิบัติด้านสุนทรียะ" ทางรูปลักษณ์ ในระดับที่ทำให้นักบินสายการบินพาณิชย์ถูกสั่งพักงานเพราะไว้หนวด การเลเซอร์หนวดในผู้ชายกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น ทั้งๆ ที่ยุคสมัยก่อนการไว้หนวดของชายเกาหลีถือเป็นเรื่องปกติมากกว่าการไร้หนวด อะไรที่ทำให้มาตรฐานความงามนี้เปลี่ยนไป? อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 4 คนของเกาหลีใต้ โกนหนวดเคราในงานกิจกรรมที่เน้นเรื่อง "การเมืองที่สะอาด" | ภาพจาก: JOONGANG ILBO ถ้าเรานึกถึงภาพของบอยแบนด์ดังๆ จากเกาหลีใต้ในยุคปัจจุบัน อาทิเช่นวง BTS หรือ Stray Kids เราก็จะนึกถึงสมาชิกวงที่เต็มไปด้วยชายหน้าตาเกลี้ยงเกลา ไร้หนวดเครา หนึ่งในศิลปินวงบอยแบนด์อย่าง ฮย็องวอน จากวง Monsta X สารภาพว่าเขาเคยต้องไปเข้าคอร์สเลเซอร์หนวดเคราหลายครั้งมาตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งแต่ละครั้งนั้นก็เจ็บจนร้องไห้ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็บอกว่ารู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้มา นั่นคือผิวเนียนไร้ขน เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า หน้าตาที่เกลี้ยงเกลาไม่ใช่แค่สิ่งที่จำเป็นสำหรับดาราชายชาวเกาหลีเท่านั้น แต่ยังกลายมาเป็น "เกณฑ์ปฏิบัติด้านสุนทรียะความงาม" ทางรูปลักษณ์ของสังคมเกาหลี มีเหตุการณ์เมื่อปี 2557 ที่นักบินชาวเกาหลีจากสายการบินพาณิชย์ เอเชียนา แอร์ไลน์ ถูกสั่งให้พักงานเพราะเขามีหนวดเครา บริษัทกล่าวหาว่าเขา "ไม่สะอาดพอ" ที่จะรับใช้ลูกค้า ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ไปเจอหน้าลูกค้าแต่แค่อยู่ในที่นั่งคนขับก็ตาม จนกระทั่งราว 3 ปีถัดมาศาลสูงกรุงโซลถึงได้ตัดสินว่านโยบายการบังคับให้ต้องโกนหนวดถือเป็นนโยบายที่ "เลือกปฏิบัติ" เพราะนักบินเกาหลีถูกสั่งให้ต้องโกนหนวด แต่นักบินต่างชาติกลับอนุญาตให้ไว้หนวดเคราได้ในฐานะของการเคารพต่อวัฒนธรรมของพวกเขา เหตุไฉนการไว้หนวดเคราถึงกลายเป็นเรื่องที่ถูกมองว่าผิดปกติในสังคมเกาหลียุคปัจจุบันไปแล้ว ในทุกวันนี้แทบจะไม่พบเห็นผู้ชายที่ไว้หนวดเคราตามท้องถนนของเกาหลีเลย ในทางตรงกันข้าม ยุคสมัยก่อนของเกาหลีกลับเต็มไปด้วยผู้ชายที่มีหนวดและไว้เคราจากคางของตัวเองรวมถึงมีการมัดผมเป็นมวยไว้บนหัว จนทำให้ผู้ชายที่ไม่มีหนวดเคราเสียอีกที่ดูแปลกไปจากคนอื่น แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ในปัจจุบัน กระแสความงามในแบบผู้ชายเกาหลีถึงกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ? ในยุคก่อนสมัยราชวงศ์โชซ็อน (ก่อนปี พ.ศ.1935 ถึง พ.ศ.2453) หนวดเคราเคยถูกมองว่าเป็นแบบอย่างของความเป็นชายมาก่อน นักวิชาการยุคคริสตทศวรรษที่ 19 ชื่อ อีคิวคย็อง ระบุไว้ในสารานุกรมว่า "เมื่อใดก็ตามที่จะมีการชื่นชมรูปลักษณ์ของบุรุษ การชื่นชมหนวดเคราควรจะมาก่อน" นอกจากนี้ยังมีงานวรรณกรรมที่พูดถึงการให้ความสำคัญกับหนวดเคราในผู้ชายด้วย เช่นในนิยายของปาร์กดูแซ ที่น่าจะเขียนขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2221 ตัวเอกชายถูกล้อเลียนจากผู้พบเห็นว่าเขาคงไม่มีโอกาสได้แต่งงานเพราะไม่มีหนวดเครา พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาหลีระบุว่า ในสมัยราชวงศ์โชซอน เกาหลีมองว่าการแต่งงานเป็นสิ่งที่วัดว่าคนๆ นั้นเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือยัง ผู้ชายที่ยังไม่แต่งงานจะถูกมองว่ายังไม่โต และในบริบทแบบนี้เอง ผู้ชายที่ไม่มีหนวดก็จะถูกมองว่าไม่สามารถแต่งงานได้และไม่ได้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว จางซุกมัน นักประวัติศาสตร์จากสถาบันเพื่อศาสนาและวัฒนธรรมเกาหลี ระบุว่า ผู้คนในยุคสมัยโชซอน ซึ่งเป็นยุคสมัยก่อนการปรับให้เป็นสมัยใหม่นั้น จะปฏิบัติกับผมและหนวดเคราราวกับว่ามันเป็น "ของที่ต้องรักษาไว้" เพราะในยุคนั้นมีอิทธิพลจากค่านิยมแบบปรัชญาขงจื้อ ที่มองร่างกายของคนๆ หนึ่งว่าเป็นสิ่งที่ได้รับสืบทอดมาจากพ่อแม่ของตัวเอง พวกเขาจึงต้องไม่ "ทำร้ายร่ายกายตัวเอง" ซึ่งรวมถึงการตัดผมที่ถูกมองว่าเป็น "สิ่งที่พ่อแม่ให้มา" ด้วย สัญลักษณ์ของยุคสมัยใหม่ แต่พอถึงปี 2438 เกาหลีก็มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคสมัยใหม่ เรื่องของหนวดและเคราก็ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ตกค้างจากในอดีต การโกนหนวดเคราจึงกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคสมัยใหม่ จางระบุว่า เมื่อก่อนหนวดเคราในเกาหลีเป็นสัญลักษณ์ของความมีอภิสิทธิในสังคมสำหรับชายโตเต็มวัย แต่ต่อมา จักรพรรดิ์โคจงแห่งโชซอนและเจ้าฟ้าชายได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ยุคสมัยใหม่ด้วยการโกนหนวดเครา เจ้าหน้าที่ทางการได้ปฏิบัติตามหลังจากนั้น และต่อมาก็มีการออกพระราชกฤษฎีการในเรื่องนี้บังคับใช้กับประชาชน ถึงแม้ว่าในช่วงนั้นจะยังมีคนที่ยึดถือหลักขงจื๊อรู้สึกต่อต้านคำสั่งนี้ แต่ก็จำต้องปฏิบัติตามเพราะมีพระราชกฤษฎีกามาจากในวัง ทำให้มีชายขาวเกาหลีเริ่มโกนหนวดเครากันมากขึ้น จนกระทั่งในยุคสมัยนั้น ร้านตัดผมกลายเป็นเสมือนพื้นที่จัดการหน้าตาและทรงผมของผู้ชายให้กลายเป็นยุคสมัยใหม่ ชายเกาหลีหันมาใช้วิธีเลเซอร์ แทนการโกนหนวดอย่างเดียว ตัดภาพมาที่ยุคสมัยปัจจุบัน เราก็จะเห็นว่าชายชาวเกาหลีต่างก็พากันทำให้หน้าของตัวเองเกลี้ยงเกลาหมดจด ช่างตัดผมผู้ชำนาญการอย่าง คิมกย็องชุน ผู้มีประสบการณ์มากว่า 35 ปี เปิดเผยว่าชายชาวเกาหลีมีลักษณะทางกายภาพที่ทำให้ปลูกหนวดเคราได้ยากกว่าด้วยเมื่อเทียบกับชาวตะวันตก ผู้ชายชาวเกาหลีบางคนมีทัศนคติไม่ชอบหนวดเคราไปแล้ว เช่น บล็อกเกอร์ชื่อ Goraebab บอกว่าเขาไม่เคยชื่นชมภาพลักษณ์ "ความเป็นชายแบบโผงผาง" เลย ซึ่งเขามองว่าหนวดเคราจะทำให้ดูเป็นผู้ชายแบบนั้น และผู้ชายบางคนที่ไม่ได้ดารา ก็ไปทำเลเซอร์แบบเดียวกับดาราด้วย เช่น ซากง จงฮวาน ชายอายุ 34 ปีชาวเกาหลีบอกว่าเขาต้องไปเลเซอร์กำจัดหนวดเครา 15 ครั้ง เพราะเวลาโกนเฉยๆ จะทำให้เขาเห็นรอยครึ้มเขียว อยู่ซึ่งทำให้เขาดูไม่ดีเลยเวลาจะไปออกเดท การทำเลเซอร์ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ชายชาวเกาหลีนิยมมากกว่าแค่โกนหนวดไปแล้ว ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าวัฒนธรรมที่ลำเอียงเข้าข้างลุุคคลีนๆ ทำให้เป็นเช่นนั้นด้วย มีผู้ชายบางคนเช่น Shin บอกว่าเขาจะยังคงทำเลเซอร์ต่อไปแม้จะทำมาแล้ว 17 ครั้ง เพราะมันทำให้เขาดูคลีน ไม่มีตอเขียวหรือรอบครึ้มๆ จากการโกนหนวดอย่างเดียว หรือจะเริ่มมีคนสวนกระแสแล้ว ถึงแม้ว่าสังคมเกาหลีจะกล้อมเกลาให้คนชื่นชมใบหน้าเกลี้ยงเกลามากกว่า แต่ก็มีชายเกาหลีบางคนที่มองว่าหนวดเคราก็ดูมีสไตล์ได้ หนึ่งในนั้นคือ จุงบย็องฮุน อายุ 38 ปี เขาไว้หนวดเครามาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว แล้วก็รู้สึกพึงพอใจกับรูปลักษณ์ของตัวเอง เขาถึงขั้นต้องไปหาน้ำยาเร่งสร้างเส้นขนจากอเมริกามาใช้ จนทำให้มีทั้งหนวดเคราขึ้นตามใบหน้า คาง ข้างใบหู จุงบอกว่าชายที่มีหนวดเคราเป็น "ภาพลักษณ์แบบเป็นชายที่เขารู้สึกชื่นชม" ชาวเกาหลีอีกคนหนึ่งที่ชื่นชมหนวดเคราคือช่างทำผมและช่างตัดแต่งหนวดเคราชื่อสมมุติว่า Santa โดยบอกว่าเขาได้สร้าง "สไตล์เฉพาะของตัวเอง" มาเป็นเวลา 14 ปี แล้ว เว้นแต่ช่วงรับราชการทหารและช่วงหางาน เขาบอกว่าเคยถูกชาวเกาหลีด้วยกันล้อเรื่องหนวดเครา กล่าวหาว่าเป็นต่างชาติ มีคนไม่ยอมนั่งใกล้เขา หรือมีคนที่สั่งให้เขาต้องโกนหนวดเพื่อไปออกเดท Santa บอกว่าในเกาหลีใต้ก็เริ่มมีคนที่ไว้หนวดมากขึ้นเหมือนกัน เพราะได้รับแรงบันดาลใจมาจากสื่อต่างชาติแล้วก็ทำตามเพราะเรื่องสุนทรียะทางรูปลักษณ์ เรียบเรียงจาก [WHY] Where did all the beards go? Korean men's style and the fall of facial hair., Korea JoongAng Daily, 18-10-2025   * รายงานพิเศษ * วัฒนธรรม * ต่างประเทศ * เกาหลีใต้
dlvr.it
Reposted by ATP.Nestle
แถลงการณ์สำนักพระราชวัง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงสวรรคต... สามารถติดตามต่อได้ที่ : www.dailynews.co.th/news/5237359/
Reposted by ATP.Nestle
#ประธานอีฟ ประธานมูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้ กับคำถามที่หลายๆ คนสงสัยว่าเธอคือใคร? มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับ "ธรรมนัส" หรือไม่?
.
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.dailynews.co.th/news/5235999/
#มูลนิธิธรรมนัส #มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ #กันจอมพลังช่วยสู้ #กันจอมพลัง #กาญจนาสถาวร #อีฟกาญจนา
#ข่าว #ข่าววันนี้ #เดลินิวส์ #เดลินิวส์ออนไลน์
Reposted by ATP.Nestle
รู้จักสูตรบำนาญใหม่ สปส. 'ส่งน้อยได้น้อย ส่งเยอะได้เยอะ' มีแผนชดเชยคนได้น้อย
รู้จักสูตรบำนาญใหม่ สปส. 'ส่งน้อยได้น้อย ส่งเยอะได้เยอะ' มีแผนชดเชยคนได้น้อย รายงาน: ณัฐพล เมฆโสภณ  XmasUser Fri, 2025-10-24 - 19:29 เมื่อ 21 ต.ค. 2568 สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้เปิดเผยผลการทำประชาพิจารณ์สูตรคำนวณบำนาญสูตรใหม่ หรือสูตร CARE (Career Average Revalued Earning) ของผู้ประกันตน มาตรา 33 และมาตรา 39 จำโดยสำนักงานประกันสังคม ระหว่างวันที่ 1 - 17 ต.ค. 2568 ก็ต้องบอกว่าสูตรคำนวณบำนาญที่เสนอฝ่ายคณิตศาสตร์ประกันสังคม ได้ผลตอบรับดีเป็นอย่างมาก โดยภาพรวมผลสำรวจประชาพิจารณ์ มีผู้ตอบแบบสอบถามทุกช่องทาง (ระบบกฎหมายกลาง, LINE, หน่วยบริการ, และที่ประชุมประชาพิจารณ์) จำนวนทั้งสิ้น 102,010 ราย โดยแบ่งเป็นผู้ที่เห็นด้วย 79,498 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 77.93 ผู้ที่ไม่เห็นด้วย 22,512 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 22.07 ขณะที่ บุปผา เรืองสุด เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เผยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะนำผลการลงประชาพิจารณ์เข้าสู่การประชุมอนุกรรมการฯ และเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติต่อไป ในระหว่างที่เรากำลังรอให้สูตรคำนวณบำนาญสูตรใหม่ประกาศใช้ ประชาไทช่วยสรุปสาระสำคัญของสูตรคำนวณบำนาญใหม่ของสำนักงานประกันสังคม แตกต่างจากของเดิมอย่างไร และต่อเนื่องจากประเด็นที่มีคนถกเถียงกันมาก สรุปสูตรบำนาญใหม่ทำให้คนได้เงินน้อยลงจริงหรือไม่ และถ้าน้อยลงทางสำนักงานประกันสังคมจะมีแผนช่วยเหลือต่อคนที่ได้รับผลกระทบอย่างไร ช่วงรู้ไว้ใช่ว่า ผู้ประกันตนมาตรา 33 คือลูกจ้างในสถานประกอบการ เช่น พนักงานบริษัท ลูกจ้างโรงงาน แรงงานข้ามชาติ และอื่นๆ โดยลูกจ้าง-นายจ้าง จะต้องจ่ายสมทบฝ่ายละ 5% ของเงินเดือน โดยมีเพดานไม่เกิน 15,000 บาท หรือจ่ายสมทบสูงสุด 750 บาทต่อเดือน ส่วนผู้ประกันตน มาตรา 39 ก็คือคนที่เคยอยู่ในประกันสังคม ม.33 แต่เกิดจุดเปลี่ยนตกงาน หรือไม่สามารถหางานใหม่ได้ แต่ยังต้องการรักษาสิทธิประโยชน์ประกันสังคมของตัวเอง สามารถจ่ายเงินเข้าประกันสังคม มาตรา 39 ตามความสมัครใจ สำหรับมาตรา 39 มีเงื่อนไขคือต้องจ่ายสมทบ ม.33 มาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 เดือน และยื่นสมัครเข้า ม.39 ภายใน 6 เดือนหลังตกงาน โดยจ่ายเดือนละ 432 บาทอัตราคงที่ ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานประกันสังคม เมื่อ ส.ค. 2568 เผยว่า มีผู้ประกันตน มาตรา 33 จำนวนประมาณ 12 ล้านราย และมาตรา 39 จำนวน 1.6 ล้านราย เงื่อนไขของผู้ที่ได้เงินบำนาญชราภาพของประกันสังคม * ต้องมีอายุ 55 ปีบริบูรณ์ * จ่ายสมทบไม่ต่ำกว่า 180 เดือน (หรือ 15 ปี) * สิ้ดสุดการเป็นสมาชิกภาพผู้ประกันตน (ไม่ว่าจะโดยการลาออก / สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน)   ทำไมต้องเปลี่ยนสูตรบำนาญใหม่ ทางสำนักงานประกันสังคม ระบุว่า สูตรคำนวณเก่าซึ่งเราใช้มาตั้งแต่แรก แม้ว่าจะสะดวกต่อการคำนวณ เพราะคิดจากอัตราค่าจ้างในการส่งสมทบช่วง 60 เดือนสุดท้าย (5 ปีสุดท้าย) แต่กลับพบว่าอาจจะเป็นสูตรที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกันตน และกองทุนประกันสังคม * 'คนจ่ายเยอะ กลับได้บำนาญน้อย' ปัญหาหลักของสูตรคำนวณบำนาญแบบเดิมมีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1. ‘คนจ่ายเยอะได้เงินบำนาญน้อย’ หากเราคิดบำนาญจากการจ่ายสมทบให้ 5 ปีหลังสุด มันจะไม่เป็นธรรมกับผู้ประกันตนที่จ่ายสมทบในระดับสูงมานาน แต่ถูกเลิกจ้าง แล้วต้องมาจ่ายสมทบ ม.39 ในช่วง 5 ปีสุดท้ายก่อนเกษียณอายุ ส่งผลให้ผู้ประกันตนได้รับบำนาญน้อยลงตามไปด้วย ยกตัวอย่าง นาย A เป็นพนักงานบริษัท ส่งสมทบในระดับสูงตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมา แต่ 5 ปีก่อนเกษียณ นาย A ถูกเลย์ออฟ เลยหันไปทำอาชีพอิสระ ‘ไรเดอร์’ เพื่อประทังชีวิต และไม่สามารถหางานประจำได้ เพื่อรักษาสิทธิบำนาญของประกันสังคม นาย A ตัดสินใจจ่ายสมทบ ม. 39 จำนวน 432 บาท เป็นเวลา 5 ปีที่เหลือ ดังนั้น หากคิดตามสูตรบำนาญเดิมจะคิดแค่เฉพาะในช่วง 5 ปีสุดท้ายที่นาย A ตกไปอยู่ในมาตรา 39 และทำให้นาย A ได้เงินบำนาญลดลงตามไปด้วย ทั้งที่ในความเป็นจริง นาย A จ่ายสมทบให้กับกองทุนฯ เป็นอัตราที่สูงมาโดยตลอดก่อนหน้านี้  * 'จ่ายน้อย แต่ได้บำนาญสูง กองทุนถูกเอาเปรียบ' อีกหนึ่งในปัญหาที่พบคือการที่บริษัทหรือสถานประกอบการบางแห่งจงใจแจ้งเงินเดือนของพนักงานในระดับต่ำกว่าความจริง แต่ในช่วงก่อนเกษียณกลับมีการส่งสมทบในระดับสูงแบบก้าวกระโดด เพื่อให้ได้รับบำนาญในระดับสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ผู้ประกันตนจึงได้รับเงินบำนาญระดับสูง แม้ว่าจะจ่ายสมทบระดับต่ำมานาน และทำให้กองทุนฯ ขาดทุน ด้วยปัญหาดังกล่าวข้างต้นทำให้หลายประเทศโดยเฉพาะประเทศกลุ่ม OECD ประเทศในยุโรป และอื่นๆ ไม่ได้ใช้สูตรคำนวณค่าเฉลี่ยอัตราค่าจ้างในช่วงท้ายก่อนการเกษียณแล้ว และใช้สูตรคำนวณค่าเฉลี่ยตลอดการส่งสมทบกองทุน หรือที่เรียกว่าสูตร "CARE" ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ฝ่ายผู้ประกันตน เสริมว่า ภาพรวมสถานการณ์การจ่ายบำนาญ ปัจจุบันมีผู้รับบำนาญทั้งหมด 847,050 คน ได้บำนาญเฉลี่ย 2,949 บาทต่อเดือน และใช้งบประมาณราว 27,000 ล้านบาท ษัษฐรัมย์ ระบุว่า สมมติฐานตอนเราออกแบบเงินบำนาญชราภาพแบบเดิม เรามักมีภาพในหัวว่าคนทำงานจะมีเงินเดือนเพิ่มขึ้นแบบ ‘ขั้นบันได’ อย่างต่อเนื่องทุกปี ดังนั้น การคำนวณเงินในช่วง 5 ปีสุดท้ายจะทำให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์สูงสุด แต่หลังจากเราใช้สูตรบำนาญมาแล้ว 15 ปี กลับพบว่าเมื่อเอาสูตรคำนวณระหว่างสูตรเก่า และสูตรใหม่ มาเทียบกัน พบว่าผู้ประกันตน 570,000 คนได้รับบำนาญอย่างไม่เป็นธรรม หรือได้เงินบำนาญน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่าย ขณะเดียวกัน มีเพียง 200,000 กว่าคนที่ได้รับเงินบำนาญที่เหมาะสม นอกจากนี้ การใช้สูตรคำนวณใหม่ พบว่าในจำนวน 8 แสนกว่าคน ได้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 270 บาท/คน/เดือน ขณะที่เมื่อใช้สูตรคำนวณบำนาญใหม่ หรือสูตร ‘CARE’ ในอีก 10 ปีข้างหน้า สปส.จะมีผู้เกษียณอายุประมาณ 3 ล้านคน และใน 3 ล้านคนจะมีคนได้รับบำนาญเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7-8% ต่อคน อันนี้เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทีมประกันสังคมก้าวหน้า เริ่มแนวคิดการเปลี่ยนสูตรบำนาญ ด้านณภูมิ สุวรรณภูมิ นักคณิตศาสตร์ประกันภัย สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เสริมข้อมูลด้วยว่ามีคนเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่เงินเดือนเพิ่มขึ้นจากการทำงานในช่วงแรก แต่ 2 ใน 3 ไม่ได้มีเงินเดือนมากขึ้นกว่าในช่วงแรก แบบเก่า VS แบบใหม่ แตกต่างอย่างไร โดยง่าย สูตรคำนวณบำนาญประกันสังคมเดิม คิดอัตราค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย แต่สูตรบำนาญใหม่ หรือสูตร “CARE” จะคำนวณจากอัตราค่าจ้างเฉลี่ยตลอดการส่งสมทบตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย พร้อมคำนวณเศษเดือน นอกจากนี้ บำนาญสูตร CARE จะมีการปรับสูตรคำนวณบำนาญในแต่ละปี เพื่อให้สอดคล้องกับค่าเงิน สภาพเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งแตกต่างจากสูตรบำนาญสูตรเดิมที่จะใช้ตัวเลขคงที่ ไม่มีการปรับเปลี่ยน โดยปกติแล้วสูตรคำนวณบำนาญทั่วโลกจะเป็นรูปแบบนี้ อัตราบำนาญ * ฐานค่าจ้าง โดยอัตราบำนาญ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการส่งสมทบ อัตราบำนาญ สูตรเดิม คือ 20% + 1.5% ต่อปีตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (Ex. ทำงานมา 17 ปี อัตราบำนาญจะเท่ากับ 23%) สูตรใหม่ คือ 20% + 0.125% ต่อเดือนที่สมทบมากกว่า 180 เดือน (หรือรวมแล้ว 1.5% ต่อปี เท่ากับสูตรเดิม) โดยสูตรใหม่ใช้เป็น ‘เดือน’ เพราะจะนับเศษเดือนด้วยกรณีที่ไม่ครบปี เช่น ทำงานมา 17 ปี กับอีก 5 เดือน สูตรใหม่จะนับรวมจำนวนเดือนให้ด้วย ซึ่งต่างจากสูตรเก่าที่จะปัดลงเป็น 17 ปี ฐานค่าจ้าง สูตรเดิม = ใช้ฐานค่าจ้าง 60 เดือนสุดท้ายที่ส่งสมทบ สูตรใหม่ = คำนวณจากค่าจ้างทุกเดือนที่ส่งสมทบ นอกจากนี้ สปส.จะมีการปรับค่าเงินในอดีตให้เป็นปัจจุบันด้วย เช่น เมื่อ 20 ปีที่แล้วผู้ประกันตนเริ่มจ่ายสมทบค่าจ้างจำนวน 6,000 บาท แต่เนื่องด้วยค่าเงินในอดีตกับปัจจุบันไม่เท่ากัน สปส.ก็จะนำไปคำนวณว่า 6,000 บาทเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เท่ากับค่าเงินเท่าไรในปัจจุบัน ภาพสไลด์จากอาจารย์ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี จากนั้น ก็เอาค่าเฉลี่ยที่ปรับมาเป็นปัจจุบันไปคำนวณเป็นบำนาญอีกทีหนึ่ง ดังนั้น ผู้ประกันตนจะไม่ต้องกังวลว่า เมื่อก่อนเราจ่ายน้อยมาก แสดงว่าเราอาจจะได้บำนาญน้อยลงเยอะในสูตรคำนวณสูตรใหม่ ภาพสไลด์จากอาจารย์ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี สำหรับคนที่ต้องการดูรายละเอียดการคำนวณค่าจ้างของตัวเอง สามารถคลิกได้ที่ลิงก์นี้ https://sso.thaith.ai/care/ หมายเหตุ : สูตร CARE ที่ใช้คำนวณในเว็บไซต์จะเป็นสูตรคำนวณบำนาญเฉพาะของปี 2568 เท่านั้น ถ้ากรณีที่ผู้ทดลองคำนวณบำนาญจะเกษียณสมมติอีก 10 ปีข้างหน้า สูตรคำนวณตรงนี้ก็จะมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากสูตร CARE จะมีการปรับสูตรทุกปี เพื่อทำให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ค่าเงิน และอัตราเงินเฟ้อ ตามที่กล่าวข้างต้น   ใครได้ประโยชน์บ้าง (?) มีคนได้เงินน้อยลงหรือไม่ คนที่ได้รับผลกระทบจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือคนที่ได้บำนาญเพิ่มขึ้น คนที่ได้บำนาญใกล้เคียงเท่าเดิม และมีคนที่ได้บำนาญลดลงเล็กน้อย คนที่ได้รับบำนาญเยอะขึ้น * ผู้ประกันตน ม.33 ที่จ่ายสมทบในระดับสูงมานาน แต่ในช่วงก่อนเกษียณ เกิดตกงานและรักษาสิทธิของตัวเองในมาตรา 39 ในช่วงก่อนเกษียณ คนกลุ่มนี้จะได้เงินเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่าง จากเว็บไซต์คำนวณบำนาญ สูตร CARE สมมติ ผู้ประกันตน มาตรา 33 ส่งสมทบตั้งแต่ปี 2541 โดยค่าจ้างเริ่มต้น 5,000 บาท และปรับเพิ่มค่าจ้างปีละ 0.3% จนกระทั่ง ธ.ค. 2563 เปลี่ยนมาส่งมาตรา 39 เนื่องจากตกงาน และไปประกอบอาชีพอิสระ จนกระทั่งเกษียณในปี 2568 * สูตรเก่า ได้รับบำนาญเดือนละ 1,958 บาท * ขณะที่สูตร CARE ได้บำนาญเพิ่มเป็นเดือนละ 3,599 บาท * ผู้ประกันตน มาตรา 33 ที่จ่ายสมทบระดับสูงมานาน แต่เกิดเหตุในช่วงก่อนเกษียณ ได้รับเงินเดือนน้อยลงมาก หรือเท่ากับฐานค่าแรงขั้นต่ำ คนที่ได้ใกล้เคียงหรือเท่าเดิม * กลุ่มผู้ประกันตน ม.33 ที่จ่ายในระดับสูงตั้งแต่ต้นจนถึงวัยเกษียณ * หรือผู้ประกันตน ม.33 ที่เงินเดือนค่อยๆ เพิ่มในแต่ละปี และมาจ่ายสมทบเต็มเพดานค่าจ้าง 15,000 บาทช่วงปลาย อย่างไรก็ตาม ก็มีบางกรณีที่มีคนที่ได้ลดลงเล็กน้อย * ผู้ประกันตนที่เงินเดือนในอดีตต่ำ และต่ำมานานเป็น 15 ปี คืออยู่ระหว่าง 4,000-5,000 บาท แต่ระยะเวลา 5 ปีสุดท้ายได้ค่าจ้างแบบก้าวกระโดด 15,000 บาท ประวัติผู้ประกันตน มาตรา 33 จ่ายสมทบต่อเนื่องตั้งแต่ ธ.ค. 2541 ค่าจ้างเริ่มต้น 6,500 บาท และปรับเพิ่มเดือนละ 0.3% โดยจะเกษียณอายุ ธ.ค. 2570 รวมส่งเงินสมทบ 348 งวด * บำนาญสูตรเก่า ได้รับเงินเดือนละ 6,536 บาท * บำนาญสูตรใหม่ ได้รับเงินเดือนละ 6,138 บาท (ลดลง 398 บาท) ทั้งนี้ บำนาญสูตร CARE ไม่ได้ทำให้เราได้บำนาญเพิ่มขึ้นหรือลดบำนาญ แต่เป็นการใช้หลักการคำนวณที่เป็นธรรมตามหลักสากล ส่วนผู้ประกันตนจะได้บำนาญเยอะขึ้นหรือน้อยขึ้นอยู่กับการส่งสมทบของผู้ประกันตน ถ้าได้บำนาญน้อยลง สปส. ช่วยอย่างไร หนึ่งในประเด็นที่มีคนถกเถียง และแสดงความไม่พอใจก็คือการใช้สูตรคำนวณใหม่ หรือสูตร CARE อาจจะมีมาตรา 33 บางกลุ่มได้เงินลดลงเล็กน้อย ในเรื่องนี้ทางสำนักงานประกันสังคมได้มีแผนที่จะชดเชยให้กับผู้ประกันตนเป็นเวลา 5 ปี เฉพาะกรณีที่ผู้ประกันตนที่ได้รับเงินบำนาญน้อยลงเมื่อเทียบกับสูตรคำนวณสูตรเก่า โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้  * หากผู้ที่เกษียณภายในปีแรกที่มีการปรับสูตรบำนาญใหม่ จะชดเชยส่วนต่างให้ 100% * ผู้ที่เกษียณปีที่ 2 ชดเชย 80% * ผู้ที่เกษียณปีที่ 3 ชดเชย 60% * ผู้ที่เกษียณปีที่ 4 ชดเชย 40% * ผู้ที่เกษียณปีที่ 5 ชดเชย 20% * เกิน 5 ปี ไม่มีการชดเชยส่วนต่างให้ ยกตัวอย่าง ผู้ที่เกษียณปีที่ 2 หลังออกกฎหมาย หากคำนวณสูตรเดิมได้ 5,000 บาท แต่สูตรใหม่ได้ 4,000 บาท (ลดลง 1,000 บาท) จะได้ชดเชย 800 บาท รวมได้บำนาญ 4,800 บาท และ 'คนที่ได้ชดเชย จะเป็นการชดเชยทุกเดือนตลอดชีวิต' คนที่ได้รับบำนาญอยู่แล้วจะไม่ถูกปรับลด นอกจากมาตรการชดเชยข้างต้นแล้ว ผู้ประกันตนที่ได้รับบำนาญมาแล้วก่อนหน้านี้จะไม่ได้ถูกปรับลดลง กล่าวคือผู้ประกันตนที่ได้รับบำนาญก่อนที่จะมีการใช้สูตร CARE หากใช้สูตร CARE และคำนวณแล้ว พบว่าได้เงินลดลง เงินบำนาญของผู้ประกันตนจะยังคงได้รับเท่าเดิม ไม่มีการหักออกตามการคำนวณสูตรใหม่ ขณะเดียวกัน หากใช้สูตร CARE แล้วได้เงินเพิ่มขึ้น เงินบำนาญของผู้ประกันตนจะได้เพิ่มขึ้นไปด้วย เพื่อให้เห็นภาพ ผู้ประกันตน A ได้รับบำนาญมาก่อนหน้านี้ในปี 2565-2568 อยู่ที่ 3,000 บาทต่อเดือน แต่หลังการใช้สูตรคำนวณบำนาญใหม่ พบว่าผู้ประกันตน A ได้เงินลดลงที่ 2,800 บาท ดังนั้น ผู้ประกันตน A จะยังคงได้รับเงินเท่าเดิมคือ 3,000 บาท ไม่มีการหักเงินในกรณีที่สูตรคำนวณบำนาญใหม่คำนวณแล้วทำให้ได้เงินลดลง กรณีต่อมา ผู้ประกันตน B ได้บำนาญช่วงปี 2565-2568 อยู่ที่ 3,000 บาทต่อเดือน แต่หลังการใช้สูตรคำนวณบำนาญใหม่ในปี 2569 พบว่าผู้ประกันตน B ได้เงินเยอะขึ้นเป็น 3,400 บาท ดังนั้น ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ผู้ประกันตน B จะได้รับบำนาญ 3,400 บาทต่อเดือน ทำไมไม่ชดเชยให้คนที่เกษียณหลัง 5 ปี ณภูมิ สุวรรณภูมิ คณิตศาสตร์ประกันภัย สำนักงานประกันสังคม และเป็นผู้เสนอสูตรบำนาญใหม่ ชี้แจงว่า การชดเชยทำในระยะสั้นเท่านั้นเพื่อคุ้มครองผู้ที่จะเกษียณเร็วๆ นี้ เพราะว่าคนที่ใกล้เกษียณเขาก็วางแผนเงินไว้แล้วว่าเขาจะได้เงินบำนาญเอาไปใช้อะไรบ้าง เมื่อสูตรบำนาญใหม่ทำให้ผู้ประกันตนได้เงินลดลง ก็จะกระทบต่อแผนการใช้ชีวิตของเขา ดังนั้น ทาง สปส.เลยมีการจ่ายชดเชยให้ ณภูมิ สุวรรณภูมิ (ที่มา: ไลฟ์สด สำนักงานประกันสังคม เมื่อ 10 ต.ค. 2568) คำถามว่าขยายระยะเวลาจ่ายชดเชยเป็น 5 ปีขึ้นไปได้หรือไม่ ณภูมิ อธิบายว่า การจ่ายชดเชยระยะยาวมีผลทำให้กองทุนต้องจ่ายเงินมากขึ้น คำถามสำคัญก็คือกองทุนฯ จะเอาเงินจากไหนมาจ่ายค่าชดเชยเหล่านี้ ณภูมิ อธิบายว่า เบื้องต้น คนที่เกษียณอายุไปแล้วจะไม่ได้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนอีกแล้วเพราะว่าเกษียณ ทำให้ภาระของผู้ที่จะมาจ่ายค่าชดเชยดังกล่าวจะเป็นผู้ประกันตนปัจจุบัน และในอนาคต ดังนั้น ก็ต้องถามผู้ประกันตนปัจจุบันด้วยว่าอยากจะขยายเวลาชดเชยในส่วนนี้หรือไม่ มีผู้ที่สงสัยว่า เราสามารถใช้สูตรคำนวณบำนาญเก่าและใหม่พร้อมกันได้หรือไม่ เพื่อให้ผู้ประกันตนได้มีทางเลือก ถ้าใช้สูตรไหนแล้วได้เงินเยอะ ก็เลือกใช้สูตรนั้น ฝ่ายคณิตศาสตร์ประกันภัย อธิบายเรื่องนี้ว่า “มันไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาสูตรที่เป็นธรรมมากขึ้น แต่คือการเพิ่มสิทธิประโยชน์ คือมี 2 สูตร สูตรไหนให้เงินเยอะขึ้น ก็ใช้สูตรนั้น คำถามคือใครจ่าย คนได้ประโยชน์คือคนรับบำนาญ แต่ว่าเมื่อมีสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นคือต้องมีคนจ่าย กองทุนฯ จ่ายก็จริง แต่เงินของกองทุนฯ ก็มาจากคนที่จ่ายเงินสมทบอีกที …โดย 6-7% ของกองทุนชราภาพ มาจากลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล "ถ้าทำกันแบบเราแคร์ทุกคน คือทุกคนที่ได้รับบำนาญ มันกลายเป็นเรื่องของการเพิ่มสิทธิ์ มันต้องตามมาด้วยว่าใครจ่าย ซึ่งถ้าพวกคุณในห้องนี้บอกว่ายอมจ่ายเพิ่ม ก็ทำได้ ก็เป็นข้อตกลงกันว่าสวัสดิการอยากปรับเป็นสูตรที่ดีขึ้น มีสองสูตร เลือกสูตรที่ได้เงินเยอะกว่า และเราอาจจะมาคุยกันว่าจะเพิ่มอัตราเงินสมทบเท่าไร ขยายอายุเกษียณ หรืออื่นๆ แต่เราตกลงกันว่าไม่อยากทำอย่างนั้น เราอยากทำการชดเชยแค่ช่วงเปลี่ยนผ่าน และไม่กระทบคนรุ่นหลัง" ณภูมิ กล่าว เพิ่มบำนาญ เพิ่มศรัทธา การพัฒนาสิทธิประโยชน์ของ สปส. ในมุมมองของ ษัษฐรัมย์ ยังมองด้วยว่า เป็นการเพิ่มศรัทธา และจะทำให้มีคนอยากเข้าระบบประกันสังคมมากยิ่งขึ้น “สูตรนี้จะทำให้คนมีความไว้ใจต่อการส่งประกันสังคมมากขึ้น ถ้าทุกคนดูในโลกออนไลน์จะมีคลิปที่สอนว่า ถ้าออกจากงาน อย่าส่งมาตรา 39 เพราะคือช่องโหว่ เพราะถ้าส่งมาตรา 39 เงิน (บำนาญ) จะน้อยลงทันที นั่นหมายความว่าเรากำลังออกแบบสูตร (เดิม) ไม่ให้คนมาส่งมาตรา 39 ทั้งที่การส่งมาตรา 39 จะทำให้คุณได้สิทธิประโยชน์มากขึ้นมากกว่าแค่เรื่องเงินบำนาญ "ดังนั้นถ้าเราปรับสิทธิประโยชน์บำนาญจะทำให้คนส่งมาตรา 39 เพิ่มขึ้น เมื่อเงินไหลเข้าประกันสังคม ก็จะทำให้เราวางแผนกลไกเรื่องของสิทธิประโยชน์ในอนาคตได้" ษัษฐรัมย์ กล่าว กระทบเสถียรภาพกองทุนฯ หรือไม่ ก่อนหน้านี้มีคำถามด้วยว่าเมื่อมีการจ่ายเงินบำนาญเพิ่มขึ้น แสดงว่าจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพกองทุนด้วยหรือไม่ ษัษฐรัมย์ กล่าวว่า การสูตรบำนาญใหม่ช่วง 10 ปีแรกจะอยู่ที่ 170,000 ล้านบาท จากที่ปัจจุบันกองทุนประกันสังคมป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีจำนวนเงิน 2.6 ล้านล้านบาท ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี เมื่อ 10 ต.ค. 2568 อย่างไรก็ตาม หลังจาก 10 ปีเป็นต้นมา เงินที่ใช้เพิ่มขึ้นจะเฉลี่ยลดลงต่อเนื่องจนเหลือเพียง 0 บาท เนื่องจากผู้ประกันตนที่รับบำนาญอยู่แล้วจะมีจำนวนลดลง เพราะเสียชีวิต ทั้งนี้ ษัษฐรัมย์ กล่าวว่าเงินจำนวน 170,000 ล้านบาทที่เพิ่มขึ้นมาในช่วง 10 ปีหลังใช้สูตรใหม่ จะยังไม่ได้มีนัยยะสำคัญเมื่อเทียบกับงบประมาณสิทธิประโยชน์เรื่องเงินสงเคราะห์บุตร แต่เงินที่จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปีนี้กลับช่วยเหลือคนได้จำนวนมาก "มีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สูตรใหม่ตัวนี้จะทำให้กลุ่มคนเจน 'Z' หรือแรงงานรุ่นใหม่ในอนาคตได้รับประโยชน์มากขึ้น เพราะว่าเขามีแนวโน้มไม่ได้ทำงานยาวนานในชีวิต เงินเดือนเขาอาจจะเยอะในช่วงแรก และอาจจะออกมาเป็นฟรีแลนซ์ นี่คือกลุ่มเจน Z ที่จะได้ประโยชน์ ขณะที่การปรับเพดานค่าจ้างแบบขั้นบันไดก็ทำให้แรงงานรุ่นก่อน รุ่นปัจจุบัน และรุ่นใกล้เกษียณได้ประโยชน์ พอสองอย่างนี้ทำควบคู่กัน นอกจากเสถียรภาพของกองทุนแล้ว ยังก่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างรุ่น" ษัษฐรัมย์ กล่าว ทั้งนี้ ยุทธวิธีที่ทำให้กองทุน สปส.ยั่งยืน ทาง สปส.วางแผนในการลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่มีความซ้ำซ้อน และนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนฯ โดยตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 6-7% และในอนาคตจะมีการปรับเพดานสมทบฯ มาตรา 33 ด้วยจากเดิมอยู่ที่ 15,000 บาท โดยในปี 2569 เพิ่มเพดานเป็น 17,500 บาท ในปี 2572 เพิ่มเป็น 20,000 บาท และในปี 2575 เพิ่มเป็น 23,000 บาท นอกจากมาตรา 33 แล้ว ตัวของแผนสมทบของผู้ประกันตน มาตรา 39 จะปรับเพดานค่าจ้างขึ้นด้วยจากเดิม 432 บาทอัตราคงที่ โดยตอนนี้มีอยู่ 2 สูตร ประกอบด้วย สูตรที่ 1 มี 2 ทางเลือก คือ 600 บาท และอีกขั้น 700 บาท และสูตรที่ 2 มี 3 ทางเลือก คือ 472 บาท 653 บาท และ 772 บาท ซึ่งตอนนี้ผ่านประชาพิจารณ์ไปแล้ว เหลือแค่ให้ที่ประชุม ครม.อนุมัติ และประกาศเป็นกฎกระทรวง * รายงานพิเศษ * แรงงาน * คุณภาพชีวิต * กองทุนประกันสังคม * สูตรคำนวณบำนาญชราภาพ * สูตร CARE * ผู้ประกันตน * ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี * ณภูมิ สุวรรณภูมิ
dlvr.it
Reposted by ATP.Nestle
เขาคือใคร? เปิดประวัติ "ลี ยงพัด" เจ้าของฉายา "ราชาแห่งเกาะกง" ผู้ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ สู่การถูกถอนสัญชาติไทย เซ่นพิษแก๊งคอลเซ็นเตอร์!
.
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.dailynews.co.th/news/5236789/
#LyYongPhat #ลียงพัด #พัดสุภาภา #ราชาแห่งเกาะกง #สแกมเมอร์ #กัมพูชา
#ข่าว #ข่าววันนี้ #เดลินิวส์ #เดลินิวส์ออนไลน์
อยู่ดี ๆ รถปริศนาจากยายแถวบ้านก็พุ่งออกมาจากบ้านของเขาแล้วเฉี่ยวรถนี่ที่ขับทางตรงชิว ๆ ดีที่ไม่โดนรถ แต่โดนเท้าจนเท้าพับหน่อยนึง ทางนี้และเขาขับแค่ 20-30 km./h. ไม่งั้นเขาเจ็บหนักกับขอบถนนคอนกรีตหน้าบ้านแน่นอนถ้าทางนี้ขับ >40 km./h. แถมเขาไม่ได้ใส่หมวกกันน็อกซะด้วย...
บางทีก็งง ทำไมซีเอ็ดแถวบ้านจะมีมังงะค่าย Phoenix อัปเดตมากสุดแทบตลอด แต่ค่ายอื่น ๆ คือต้องเรื่องฮิตจริง ๆ บางทีก็เล่มขาดแทบตลอด
(ใส่ทำนองเพลง ทบ.๒ ลูกอีสาน ของ ไผ่ พงศธร ด้วยเน้อ จะเข้าใจ)
ต้องจาก X มา หนีอีลอนมาภพนภา...
มังงะเรื่องนี้ชื่ออะไรน่ะเหรอ
"รักรักรักรักรักเธอหมดหัวใจจากแฟนสาว100คน"
ผมซื้อเล่มแรกมาถ่ายให้ดูก่อน ช่วงนี้ผมจ็อบเลส มีเงินเดี๋ยวซื้อเยอะ ๆ ทีเดียว 555+
ซื้อมังงะค่ายรักพิมพ์ที่ซีเอ็ดแถวบ้านทีไรต้องเจอเรื่องแนวเลิฟคอมเมดีช่นนี้ทุกเรื่อง 555+
ดีนะไม่บอกยันเจ้าของรถกับทะเบียนอะไร
555+ เมื่อวานยืนยันตัวตนที่ตู้เอทีเอ็มศรีณรงค์แล้วตู้เอทีเอ็มร้อนจนรวนเลยอ่ะครับ
เอาเลขตัวถังบนรถตัวเองไปใส่ในแอปของฮอนด้า เพิ่งรู้เลขมันบอกเป๊ะยันรุ่นกับสีรถ 555+
โอ้ เวลาตรงกับของผมเป๊ะเลย
เย้ยยยย ได้รับการยืนยันแล้ว นึกว่าจะชวดเสียอีก 😁